รับ ‘รังสีเครื่องเอกซเรย์นาน’ เสี่ยงมะเร็ง
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ เตือนบุคลากรด้านรังสีแพทย์ในไทย รับรังสีในปริมาณสูงเสี่ยงเป็นมะเร็งและโรคต้อกระจก แนะขณะปฏิบัติงานควรใช้อุปกรณ์ป้องกันรังสีด้วย
นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ ได้ทำการประเมินความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งจากการปฏิบัติงานของบุคลากรด้านรังสีการแพทย์ ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2556 โดยวิเคราะห์ จากอุปกรณ์วัดรังสีบุคคลที่ให้บริการ พบว่า บุคลากรที่ปฏิบัติงานกับเครื่องเอกซเรย์ฟลูออโรสโคปีในห้องส่องกล้อง ห้องผ่าตัด รังสีร่วมรักษา และงานรังสีวินิจฉัยได้รับรังสีกระเจิงเฉลี่ยสูงกว่า กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด้านอื่น โดยได้รับรังสีทั่วลำตัวเฉลี่ย 0.727 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี
เมื่อนำมาคำนวณค่าอัตราเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งจากการทำงานด้านรังสีตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมาธิการป้องกันอันตรายจากรังสีระหว่างประเทศ International Commission on Radiological Protection (ICRP) พบว่า บุคลากรเหล่านี้มีความเสี่ยงได้รับปริมาณรังสีสูง เนื่องจากการปฏิบัติงานร่วมกับเครื่องเอกซเรย์ฟลูออโรสโคปีเป็นเวลานาน มีอัตราเสี่ยงเกิดโรคมะเร็ง 4 คน ต่อบุคลากรแสนคน ซึ่งสูงกว่าบุคลากรที่ปฏิบัติงานร่วมกับเครื่องเอกซเรย์ทั่วไปถึง 4 เท่า ในขณะที่บุคลากรที่ปฏิบัติงานร่วมกับเครื่อง เอกซเรย์ทั่วไปมีอัตราเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งเพียง 1 คนต่อบุคลากรแสนคน
ดังนั้นควรป้องกันปริมาณรังสี ทั่วลำตัว (effecttive dose) ไม่ให้เกิน 20 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี โดยเฉลี่ยย้อนหลังในช่วง 5 ปี และยังพบบุคลากรที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกเนื่องจากได้รับปริมาณรังสีสูงเกินกว่าที่เลนส์ตาสามารถรับได้ถึง 1.4 เท่า
หากบุคลากรไม่ใช้แว่นตากันรังสีอาจส่งผลกระทบเกิดเป็นต้อกระจกในอนาคต ควรลดความเสี่ยงปริมาณรังสีเลนส์ตาที่สามารถส่งผลให้เป็นต้อกระจก (equivalent dose) ไม่ให้ได้รับเกิน 150 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี และขณะปฏิบัติงานควรใช้อุปกรณ์ป้องกันรังสี ได้แก่ เสื้อตะกั่ว ไทรอยด์ ชีลด์ แว่นตากันรังสีและฉากกำบังรังสีที่ตำแหน่งต่างๆ
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า