รับมือลด “ดื้อ!” เมื่อเปิดเทอม
ที่มา : http://talkaboutsex.thaihealth.or.th
ก่อนถึงวันไปโรงเรียนเริ่มต้นการศึกษา นอกเหนือจากการเตรียมหนังสือ ชุดนักเรียน กระเป๋ารองเท้าค่าเทอม ฯลฯ อีกสิ่งสำคัญที่คุณพ่อ คุณแม่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้ามก็เห็นจะเป็นการปรับตัวเตรียมความพร้อมก่อนไปโรงเรียน
พญ.วิรัลพัชร กิตติธะระพันธุ์จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ให้ความรู้แนะนำการเตรียมความพร้อมว่าการเตรียมตัวเตรียมใจก่อนไปโรงเรียนนอกเหนือจากลูกๆคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเตรียมตัวเช่นกันซึ่งการมีความพร้อมเข้าใจถึงสภาพปัญหาของลูกวัยเรียนนั้นมีความสำคัญและปัญหาที่มักพบในลูกวัยเรียนบ่อยครั้งนั่นคือเรื่องของ การไม่ไปโรงเรียนซึ่งพบประมาณ4-5 เปอร์เซ็นต์ในเด็กทุกวัยโดยถ้าเกิดขึ้นในกลุ่มเด็กเล็กถือว่าปกติเป็นธรรมชาติ
แต่หากเกิดกับเด็กโตจากที่เคยไปโรงเรียนมาตลอดแล้วไม่อยากไปโรงเรียน ผู้ปกครอง คุณครูควรให้ความช่วยเหลือเพราะอาจเกิดปัญหาร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ได้ อย่างเช่นซึมเศร้า ปัญหาบุคลิกภาพการปรับตัวหรือความเครียดอย่างอื่นขณะที่อีกปัญหาเป็นเรื่อง การเรียนรู้ของลูกเรียนไม่ค่อยได้ เรียนไม่รู้เรื่อง ซึ่งอาจมีปัญหาสมาธิสั้น
"การไปโรงเรียนแม้จะเป็นหน้าที่ของเด็ก ๆ แต่อย่างไรแล้วการไปเรียนของเด็กบางกลุ่มบางคนอาจมีความเครียด ความวิตกกังวลปะปนอยู่ เช่น เด็กอนุบาลที่กำลังจะเริ่มเข้าโรงเรียนยังมีภาวะติดผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่และยังมีความกลัวคนแปลกหน้า แถมซ้ำในบรรยากาศมีเพื่อนคนอื่นร้องไห้งอแงเด็กก็จะมีความรู้สึกกังวลทันทีที่ผู้ปกครองมาส่งโรงเรียน
บางคนอาจมีความตื่นตระหนกเกิดความกลัว รู้สึกอ้างว้าง ฯลฯ ก็อาจทำให้ไม่อยากไปโรงเรียน ในบางครั้งอาจมีข้ออ้างการปวดหัว ปวดท้อง ฯลฯ ที่ทำให้ไม่ต้องไปโรงเรียนซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นจะหายไปได้ภายใน 2-4 สัปดาห์หลังจากโรงเรียนเปิดเทอม"
แต่อย่างไรก็ตามในการเตรียมตัวเตรียมความพร้อมก่อนถึงวันเปิดเทอม คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ด้วยการสร้างบรรยากาศให้อยากไปโรงเรียนด้วยการพาลูกไปทำความรู้จักกับโรงเรียน พบคุณครูพร้อมกับแนะนำบอกเล่าถึงสิ่งดี ๆ สิ่งที่สนุกเมื่อไปโรงเรียนซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้กับเด็ก ๆ อย่างการเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน อ่านหนังสือทำกิจกรรมที่สนใจและอีกสิ่งที่ต้องไม่มองข้ามคือ บอกลูกให้รู้ถึงเวลาที่จะมารับกลับบ้านซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ไม่รู้สึกเดียวดาย ลดคลายความกังวลกับการไปโรงเรียนลงได้
ทั้งนี้เพราะเด็กที่ไม่สามารถอยู่ในระบบการศึกษาได้ก็จะทำให้ขาดโอกาสหลายอย่างไปในชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิชาความรู้การปรับตัวเข้ากับสังคมการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นการเตรียมความพร้อมจึงมีความสำคัญ ผู้ปกครองควรดูแลใกล้ชิด"
นอกเหนือจากเด็กเล็กชั้นอนุบาล กลุ่มเด็กโตที่กำลังศึกษาในชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา ปัญหาความไม่พร้อมไม่อยากไปโรงเรียนอาจมีความต่างกันไป ไม่ได้เกิดจากการต้องห่างไกลจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง แต่อาจเกิดจากความบกพร่องทางการเรียนรู้ เรียนไม่รู้เรื่อง มีปัญหาการอ่าน การเขียน การคำนวณสมาธิสั้น ฯลฯ ซึ่งทำให้ท้อแท้หมดกำลังใจจะเรียนหนังสือต่อ
แต่อย่างไรก็ตามหากค้นพบว่าปัญหาการเรียนของลูกคือสิ่งใดและสามารถให้การช่วยเหลือ แก้ไขแต่เนิ่นๆสิ่งเหล่านั้นก็จะดีขึ้นทำให้เด็กสามารถปรับตัวดีขึ้น มีความสุขกับการไปโรงเรียน นอกจากนี้ในระดับมหาวิทยาลัยเองก็เกิดปัญหาไม่อยากไปเรียนได้เช่นกันทั้งนี้เพราะบางคนอาจยังปรับตัวไม่ได้ยังไม่เคยชินกับการเรียนในมหาวิทยาลัย ปีแรกของการเรียนมหาวิทยาลัยจึงพบปัญหาการรีไทร์ การเรียนในมหาวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องปรับตัวดูแลตนเองมากขึ้น
"การเรียนรู้ของกลุ่มวัยรุ่นจุดหลักเป็นการค้นหาเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ของตนเองว่าอยากจะเป็นอะไร ชอบอะไรซึ่งเกราะที่จะช่วยป้องกันสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพวกเขาควรจะต้องช่วยให้เขาค้นพบความสามารถ ความชอบของตนเองและเมื่อไหร่ที่รู้ว่าชอบอะไรก็จะเกิดแรงจูงใจอยากจะทำสิ่งนั้นให้ดี
คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะเป็นพี่เลี้ยงอยู่ข้าง ๆ เป็นผู้ช่วยดูแลแนะนำการเรียนให้ค้นเจอความชอบของตนเอง ซึ่งก็จะเป็นการต่อยอดเตรียมตัวสู่ระดับมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดความเครียดจากการสอบ ระบายความรู้สึกที่กดดันไม่ทำให้รู้สึกว่าอยู่คนเดียว ซึ่งเมื่อไหร่ที่เขามีความทุกข์ก็จะรู้สึกว่าไม่ได้ทุกข์คนเดียว"
ผู้ปกครองจึงควรมีความเข้าใจโดยเฉพาะ การพัฒนาการตามวัยซึ่งธรรมชาติของเด็กแต่ละช่วงวัยมีอารมณ์และความต้องการที่แตกต่างกันอย่างช่วงอายุ 3-6 ขวบ เด็ก ๆจะซึมซับบทบาทของพ่อแม่เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น ฯลฯแต่ผู้ปกครองมักมีความกังวลถึงการร้องไห้งอแง ไม่อยากไปโรงเรียนซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ อย่างที่กล่าวเด็กวัยนี้ยังมีความกังวลกับการที่ต้องห่างจากพ่อแม่ แต่เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งก็จะเรียนรู้ปรับตัวปรับใจ
แต่ละช่วงวัยปัญหาจึงมีความต่างกัน เด็กเล็กเป็นเรื่องของการพลัดพราก ขณะที่วัยประถมเป็นเรื่องของปัญหาการเรียนรู้ เด็กมัธยมเป็นเรื่องการได้รับการยอมรับจากเพื่อน ฯลฯ และจากที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของจิตวิทยาและระบบของการศึกษาจิตแพทย์ท่านเดิมบอกเล่าอีกว่า สิ่งหนึ่งที่จะเป็นคำตอบการศึกษาของเด็กคือแรงจูงใจ เชื่อว่าถ้ารู้สึกดีประทับใจกับอะไรก็อยากจะเรียนรู้ศึกษาสิ่งนั้น
ช่วงเวลาของการเปิดเทอมจึงไม่เพียงแต่ลูกน้อยวัยเรียนที่ต้องเตรียมตัวกับการเข้าเรียน ผู้ปกครองก็ควรเตรียมตัวเช่นกันและอยากให้นึกถึงคำที่มีความหมาย เข้าใจห่วงใย ให้อภัยและให้โอกาสการเรียนรู้ของลูก แพทย์ท่านเดิมกล่าวและก่อนถึงวันเปิดเทอมช่วงเวลานี้ที่ยังพอมีเวลาเหลืออยู่เป็นอีกโอกาสดีที่จะปรับตัวเตรียมความพร้อมต้อนรับการไปโรงเรียนที่ใกล้จะมาถึง