รับมือกับฝุ่นตัวร้ายอย่างเข้าใจ

ที่มา : www.greenery.org


รับมือกับฝุ่นตัวร้ายอย่างเข้าใจ thaihealth


คำว่า PM 2.5 กำลังอยู่ในความสนใจของคนกรุง เพราะต้นเหตุหมอกหนาทึบที่กำลังปกคลุมหลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานครอยู่ในขณะนี้ กรมควบคุมมลพิษได้ออกมาชี้แจง และให้ข้อมูลว่า มวลขมุกขมัวดังกล่าวคือฝุ่นละออง PM 2.5


เอาชัดๆ เจ้าฝุ่น PM 2.5 นี้ คืออะไร


คำตอบก็คือ มันไม่ได้มีอะไรพิสดารต่างจากฝุ่นละอองปกติที่เรากำลังสูดหายใจเข้าปอดอยู่ทุกวัน เพียงแต่มันมีขนาดเล็ก ประมาณ 2.5 ไมครอน ขณะที่ฝุ่นละอองในอากาศทั่วๆ ไป จะมีขนาดไม่เล็กกว่า 10 ไมครอน หากเราจะพยายามจินตนาการว่า เจ้าฝุ่นจิ๋วนี่ต้องเล็กขนาดไหน ให้ลองจินตนาการง่ายๆ ว่า มันมีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลาง ของเส้นผมของเรา พอนึกภาพตามนี้ ก็จะเห็นได้ว่า มันมีขนาดเล็กกว่าฝุ่นละอองปกติหลายเท่าทีเดียว


เล็กกว่าแล้วไง?


และเมื่อมันเล็กขนาดนั้น ก็แปลว่า มันจะสามารถผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ถุงลมในปอด และกระแสเลือดของเราได้อย่างง่ายดายมากๆ และย่อมกลายเป็นต้นเหตุ ก่อให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรคไม่ร้ายแรงอย่างภูมิแพ้ หรือผื่นคันต่างๆ ไปจนถึงโรคที่อันตราย และอาจถึงแก่ชีวิตได้ อย่างโรคติดเชื้อในปอด โรคทางเดินหายใจ และโรคมะเร็ง!


องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงกำหนดค่ามาตรฐานควบคุมเจ้าฝุ่นจิ๋วนี่ ให้มีปริมาณอยู่ที่ 25 ไมโครกรัม ต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร เมื่อเทียบกับหน่วยเวลา 24 ชั่วโมง แต่ในประเทศไทย เรากลับมีมาตรวัตในอัตราส่วนของเจ้าฝุ่นจิ๋วต่อปริมาตร 1 ลูกบาศก์เมตร อยู่ที่ 50 ไมโครกรัม นั่นแปลว่ามาตรฐานในการตรวจวัดและรายงานคุณภาพอากาศของประเทศไทยยังต่ำกว่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนด หลายหน่วยงานจึงเรียกร้องให้ภาครัฐใช้ดัชนีคุณภาพอากาศที่ PM 2.5 และเผยแพร่ข้อมูลฝุ่นมลพิษ PM 2.5 รายวัน เพื่อให้ประชาชนรับทราบว่ามลพิษที่แท้จริงเป็นอย่างไร และสามารถป้องกันตนเองได้


แล้วอย่างงี้ ต้องทำไง


หากยังไม่มั่นใจในมาตรวัดจากกรมควบคุมมลพิษ ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่เราสามารถตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ด้วยตัวเอง โดยองค์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ (US-EPA) แนะนำว่า ให้เราสังเกตด้วยตาเปล่าก่อน หากละอองที่เราเห็นเป็นสีขาว ให้แน่ใจได้ว่านั่นอาจเป็นเพียงหมอกธรรมดา แต่ถ้าเริ่มออกเป็นสีขุ่น หรืออกสีน้ำตาล ให้ระวังไว้ก่อนว่า อาจมีเจ้าฝุ่นละออง PM10 และ PM2.5 อยู่ในปริมาณมากเกินค่ามาตรฐาน


ดังนั้น ถ้าต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง และอยากแน่ใจกันไปเลย วิธีการง่ายที่สุดคือ เช็คค่าดัชนีคุณภาพอากาศผ่านทาง http://aqicn.org/city/bangkok/ หรือหาเครื่องวัดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 หรือที่เรียกว่า Smart Air Quality Monitor มาใช้ (สั่งซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ทั่วไปครับ มีราคาตั้งแต่ไม่กี่พันบาท ไปจนถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว) ซึ่งเจ้าเครื่องนี่ จะบอกระดับความเข้มข้นของฝุ่นละออง PM2.5 โดยอิงกับดัชนีคุณภาพอากาศของ US-EPA โดยตรง โดย 0-50 แปลว่า อากาศในบริเวณนั้นมีคุณภาพดี 51-100 คือระดับปานกลาง 101-150 คือเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพสำหรับกลุ่มไวต่อมลพิษ 151-200 คือมีผลกระทบต่อสุขภาพของบุคคลทั่วไป 201-300 คือมีผลกระทบต่อสุขภาพมาก และ 301-500 คืออยูในระดับอันตราย และควรหลีกเลี่ยงบริเวณนั้น


และถ้าคุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่ไม่ปลอดภัย US-EPA ได้แนะนำข้อปฏิบัติที่เราสามารถทำเพื่อป้องกันตัวเองในเบื้องต้น ตามนี้


1. พยายามอยู่กับบ้าน ปิดประตู หน้าต่างให้มากที่สุด


2. ทำความสะอาดบ้านเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองสะสมในอากาศ และถ้าเป็นไปได้ ควรเลิกกิจกรรมเกี่ยวกับการเผาไหม้ไปเลย เช่น การสูบบุหรี่ จุดเทียน ฯลฯ


3. ลดกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่จะทำให้ต้องหายใจเร็วอย่างการออกกำลังกาย เปลี่ยนมานั่งดูทีวี หรือทำกิจกรรมผ่อนคลายในร่มแทน


4. หากต้องการมั่นใจมากขึ้น การซื้อเครื่องกรองอากาศมาไว้ที่บ้าน และใช้เครื่องพ่นไอน้ำคู่กับน้ำมันหอมระเหยก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง


5. กรณีที่จำเป็นต้องออกจากบ้าน ในช่วงเวลานั้นจริงๆ อย่าลืมหาหน้ากากแบบกรองอนุภาคมาสวมไว้ เพราะหน้ากากปกติที่เราใช้กัน ไม่สามารถกรองเจ้าฝุ่นละอองขนาดจิ๋วนี่ได้

Shares:
QR Code :
QR Code