ระวัง! สัก…เสี่ยงไวรัสตับอักเสบซี

แนะงดเหล้า-ออกกำลังกายช่วยบรรเทา

 ระวัง! สัก…เสี่ยงไวรัสตับอักเสบซี

          หลายคนอาจเคยได้ยิน ไวรัสตับอักเสบ เอ บี ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบซี บางคนอาจยังไม่คุ้นนัก ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอีกหลายชนิด เช่น ดี อี จี เอช แล้ว

 

          ไวรัสตับอักเสบซีนี้ ส่วนที่สำคัญของไวรัสชนิดนี้ คือ ในผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อชนิดนี้ ส่วนมากประมาณ 80-90% มักเป็นโรคตับอักเสบแบบเรื้อรัง มีเพียงส่วนน้อย คือ ประมาณ 10-20 % ที่ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อให้หมดไปได้ และเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคมะเร็งตับ

 

          การติดเชื้อไวรัส ซี นั้น มีการติดต่อได้ 2 ทางหลักคือ จากการสัมผัสเลือดที่มีเชื้อ เช่น การสัก หรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือ การรับเลือดที่ปนเปื้อนเชื้อ ซึ่งในปัจจุบัน ก่อนการให้เลือดทุกครั้ง แพทย์จะทำการตรวจหาเชื้อนี้เสมอ ทำให้ไม่พบการติดเชื้อโดยการรับเลือดแล้ว และจากทางเพศสัมพันธ์ กับผู้มีเชื้อไวรัส ซี

 

          จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น ไวรัส ซี อาการทั่วไป อาจไม่มีอาการใดๆ เลย บางคนมีอาการเพลีย ตับอักเสบ ตัวเหลือง ตาเหลือง ส่วนวิธีที่จะบอกได้คือ การตรวจเลือดหาเชื้อ ไวรัส ซี ในกระแสเลือด เช่นจากการตรวจประจำปี ความรุนแรงของเชื้อไวรัส ซี นั้น เนื่องจากมันเป็นโรคเรื้อรัง มักไม่ค่อยหายเอง โดยทั่วไปแล้วในช่วงแรกมักไม่มีอาการใด แต่เมื่อผ่านไป ประมาณ 10 ปี ทำให้เกิดอาการตับอักเสบเรื้อรัง อ่อนเพลีย ผลเลือดผิดปกติ และที่ประมาณ 20 ปี อาจเกิดภาวะตับแข็ง เช่น ท้องบวม ขาบวม และเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับในเวลาต่อมา

 

          การดูแลตนเอง ที่สำคัญคือการป้องกันการรับเชื้อเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เช่น หลีกเลี่ยงการสักหรือเจาะร่างกาย การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ควรใช้เข็มใหม่ทุกครั้ง รวมถึงการใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่ใช่คู่สามี-ภรรยากัน ส่วนในรายที่ตรวจแล้วมีการติดเชื้อไวรัส ซี การรักษาในปัจจุบันได้ผลในระดับที่น่าพอใจ อัตราการหายประมาณ 30-50 % แล้วแต่เป็นเชื้อสายพันธ์ใด และอายุของผู้ที่เป็น (อายุน้อย การรักษาได้ผลดี) รวมถึงการตอบสนองต่อการรักษาในแต่ละคน แพทย์จะทำการให้ยารักษา คือ interferon สัปดาห์ละครั้งเป็นระยะเวลาประมาณ 24 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทุกชนิด เนื่องจากเป็นตัวเร่งทำให้ตับอักเสบมากขึ้น การพักผ่อนที่เพียงพอ การดูแลรักษาสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง ออกกำลังกายตามสมควร ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตับอักเสบดีขึ้น

 

          อย่าไปหลงเชื่อซื้อยา อาหารเสริม กินเอง เพราะนอกจากจะทำให้เสียสตางค์แล้ว ยังทำให้ตับมีการอักเสบมากยิ่งขึ้นไปด้วย ส่วนการป้องกันด้วยการฉีดวัคซินนั้นในปัจจุบันยังใช้ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

 

          ส่วนใครที่ห่วงใยสุขภาพตนเองและคนที่คุณรัก นอกจากการตรวจสุขภาพประจำปีแล้ว อาจปรึกษาแพทย์เพื่อหาความรู้และตรวจเลือดหาไวรัสตับอักเสบ ซี ได้เพื่อสุขภาพที่ดีต่อตนเองและคนที่คุณรัก

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

 

 

update: 31-07-51

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code