ระบบประกันสุขภาพ พัฒนาโลกยั่งยืน
ประเทศไทยในฐานะตัวแทนของสมาชิกอาเซียน ได้เสนอให้นำระบบการประกันสุขภาพถ้วนหน้า (universal health coverage : uhc) มาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาโลกในด้านสุขภาพ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาศักยภาพของระบบสุขภาพ ให้สามารถจัดการปัญหาของโรคต่างๆ ได้อย่างกว้างขวางทุกโรค
นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในการประชุมสมัชชาอนามัยโลกสมัยที่ 66 ประจำปี 2556 นี้ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประเทศไทยได้รับเกียรติจากประเทศสมาชิกอาเซียน ให้เป็นผู้แทนในการกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมซึ่งมีรัฐมนตรีสาธารณสุขจาก 194 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการสาธารณสุขประมาณ 2,000 คน ร่วมประชุม ได้นำเสนอทิศทางของการพัฒนาโลกอย่างยั่งยืน ในประเด็นเรื่อง การสร้างความมั่นใจในการพัฒนาสุขภาพประชากรโลก (how to ensure the place of health in the next generation of global development goals) ตามแผนพัฒนาสหัสวรรษขององค์การสหประชาชาติช่วงที่ 2 ซึ่งจะเริ่มในปี 2558 เป็นต้นไป (millennium development goals : mdgs post-2015) ต่อเนื่องจากช่วงที่ 1 ที่เริ่มตั้งแต่พ.ศ. 2543 และจะครบกำหนดในปี 2558 ที่จะถึงนี้
นายแพทย์ประดิษฐกล่าวว่า ประเทศไทยในฐานะตัวแทนของสมาชิกอาเซียน ได้เสนอให้นำระบบการประกันสุขภาพถ้วนหน้า (universal health coverage : uhc) มาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาโลกในด้านสุขภาพ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาศักยภาพของระบบสุขภาพ ให้สามารถจัดการปัญหาของโรคต่างๆ ได้อย่างกว้างขวางทุกโรค ทั้งเรื่องที่เป็นเป้าหมายของการพัฒนาสหัสวรรษ เช่น ปัญหาเด็กน้ำหนักตัวน้อย เอชไอวี มาลาเรีย วัณโรค อนามัยเจริญพันธุ์ และที่ไม่อยู่ในเป้าหมายด้วย อีกทั้งธรรมาภิบาลในระบบยา รวมทั้งการต่อต้านคอรัปชั่น จะทำให้เกิดความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหา ซึ่งองค์การอนามัยโลกเห็นว่าประเทศไทยสามารถทำเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีจึงเชิญให้ประเทศไทยได้แสดงผลงานการดำเนินงานด้านธรรมาภิบาลระบบสุขภาพอีกด้วย
นายแพทย์ประดิษฐกล่าวต่อว่า ปัญหาด้านการสาธารณสุข เป็นเรื่องที่สำคัญและควรอยู่ในวาระหลักแห่งการพัฒนาในปี 2558 เพื่อทำให้ประชากรมีชีวิตมีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างถ้วนทั่ว (well-being for all) โดยให้ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายของพัฒนาการสาธารณสุข ซึ่งจะสร้างความเท่าเทียมกันให้ประชาชนเข้าถึงบริการเมื่อเจ็บป่วยรวมถึงการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อไม่เป็นภาระด้านค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน โดยการดำเนินการเรื่องนี้ต้องอาศัยความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการผลักดัน เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต และจะมีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อไป
ด้านนายแพทย์ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การพัฒนาสุขภาพระดับโลกที่ผ่านมา จากประชากรโลกที่มีประมาณ 6,000 ล้านคน พบว่ามีคนจนจำนวน 1,000 ล้านคน ไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นได้ โดยมีประชาชน 150 ล้านคนประสบภาวะล้มละลายทางการเงินที่เกิดจากค่ารักษาพยาบาลกลายเป็นคนจน
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า