ระดมความคิดแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จ.สงขลา
ที่มา : เว็บไซต์สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
แฟ้มภาพ
สมัชชา PM2.5 จังหวัดสงขลา ชูแนวคิดพลเมืองตื่นรู้ ร่วมใจรับมือ PM 2.5 จังหวัดสงขลา ด้วยแนวทาง Green&health เพื่อสร้างพื้นที่การพูดคุย การมีส่วนร่วม และนำไปสู่การขับเคลื่อนที่ยั่งยืน
ที่โรงแรมเซาท์เทิร์นแอร์พอร์ต อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายแพทย์วีระศักดิ์ พุทธาศรี รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมสมัชชา PM 2.5 จังหวัดสงขลา “พลเมืองตื่นรู้…ร่วมใจรับมือ PM 2.5 จังหวัดสงขลา ด้วยแนวทาง Green&Health ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)
โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายในจังหวัดสงขลาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมสานพลังคนไทย“พื้นที่” สู้วิกฤติมลพิษอากาศด้วยการจัดสมัชชาพื้นที่ 6 แห่ง โดยจังหวัดสงขลาเป็นหนึ่งในพื้นที่ดำเนินการชวนเครือข่ายภาคส่วนต่างๆ100 คน ร่วมคิดร่วมทำร่วมเสนอแนะภายใต้ประเด็นการป้องกันปัญหาข้อมูลและเผยแพร่การปฏิบัติตน ในวิกฤติการแก้ไขปัญหาและการติดตามประเมินผล
โดยมีการแบ่งกลุ่มระดมสมองเป็น 4 ห้องย่อย ได้แก่ ห้องหมอกควันข้ามแดนวิทยากร โดย ศ.ดร.พีระพงศ์ ทีฆสกุล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ห้องเผาในที่โล่งวิทยากร โดย นายภิติพัฒน์หนูมี ปลัด อบต.ควนโส, ห้องมลภาวะจากจราจรวิทยากร โดยอาจารย์ชลัท ทิพากรเกียรติ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร. ศรีวิชัย และนางเรณู ทิพย์มณี และห้องมลภาวะสถานประกอบการวิทยากร โดยคุณศิริลักษณ์ วิศวรุ่งโรจน์ สำนักงานอุตสาหกรรม จังหวัดสงขลา
ศ.ดร.พีระพงศ์ กล่าวว่า สาเหตุของการเกิด PM 2.5 ในประเทศไทยเกิดจากหลายสาเหตุ อาทิ ฝุ่นควันจากการเผาไม้จากหมอกควันข้ามแดน ปัญหาสำคัญของสงขลามาจากไฟป่าประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะปี2558 ซึ่งสอดคล้องกับปรากฎการณ์เอลนิโย, ฝุ่นควันจากการผาไหม้ในที่โล่งเผาป่าเผา เพื่อบุกรุกเผาขยะในครัวเรือน กรณีไฟป่าจากในพื้นที่จะมีการเผาไม้ยางพาราไฟไหม้ป่าพรุบางนกออก, ฝุ่นควันจากการจราจรโดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ บวกกับการดัดแปลงสภาพรถโหลดเตี้ยทำให้เกิดควันดำและฝุ่นควันการประกอบอุตสาหกรรม กรณีฝุ่นควันจากโรงงานสถานประกอบการ การเผาขยะจากการฝังกลบ
ในส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบกลุ่มเสี่ยงสำคัญประกอบด้วย เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่ไม่อาจเดินทาง หรือหลบเลี่ยง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 16 ที่เป็นหน่วยรับผิดชอบระดับภาคแล้ว ยังมีสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (กสจ.) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคฝั่งตะวันออก สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ตำรวจราจร กรมป่าไม้ เป็นต้น
โดยในส่วนของจังหวัดสงขลา จะได้รับผลกระทบจากหมอกควันในช่วงเดือนกรกฎาคม – ตุลาคมของทุกปี โดยได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเผาไหม้ในพื้นที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เป็นหลักและถูกลมพัดพามาถึงภาคใต้ของประเทศไทย ภายในระยะเวลา 1-2 วัน โดยมีปัจจัยจากทิศทางลมการชะล้างของฝนภูมิประเทศของแต่ละพื้นที่ เป็นต้น
ดังนั้นการจัดสมัชชาครั้งนี้เพื่อสร้างพื้นที่การพูดคุย และสร้างการมีส่วนร่วม (constructivedialogue) และแสวงหา Commongoals เพื่อริเริ่มกลไกความร่วมมือสู่การขับเคลื่อนที่ยั่งยืน ด้วยกรอบแนวคิดทุกนโยบายห่วงใยสุขภาวะ(HiAPs)
ทั้งนี้ได้มีการชูมาตรการเด่นในการจัดการ PM 2.5 ดังนี้
1. ให้มีมาตรการก่อนเกิดภัยมีการแจ้งเตือนล่วงหน้าผ่านเครื่องวัด ที่ประชาชนเข้าถึงได้และน่าเชื่อถือ ครอบคลุมในจุดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสำคัญ ได้แก่ โรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ออกกำลังกาย กำหนด Greenzone ในจุดสำคัญ เช่น สถานที่ออกกำลังส ถานที่ท่องเที่ยว สร้างพื้นที่อากาศบริสุทธิ์ (เช่น ต.สะท้อน) ผลักกันนโยบายในระดับเมือง Greencity มีข้อตกลงกับชุมชนเลิกเผาขยะจากครัวเรือน
2. สร้างความร่วมมือในการรับมือระดับพื้นที่ ลดปัญหามลภาวะจากแหล่งกำเนิด อาทิ แก้ปัญหาไฟไหม้ป่าพรุบางนกออกต.ควนโส ด้วยการจัดทำแผนเผชิญเหตุการณ์จัดทำข้อตกลง หรือธรรมนูญกับชุมชนพิทักษ์ฐานทรัพยากรสำคัญในป่าพรุที่มีผึ้งหลวงหายาก หรือกรณีตำบลปาดังเบซาร์ ที่เป็นพื้นที่ในหุบเขารับปัญหาไฟป่าจากอินโดฯ และการเผาอ้อยจากมาเลเซีย รวมถึงจากการขนส่งสินค้าทำให้นักเรียนชุมชนได้รับผลกระทบที่จะต้องมีมาตรการเฝ้าระวังแจ้งเตือน การมีข้อตกลงกับรถขนส่งข้ามพรมแดน
3. การสื่อสารทางสังคมหน่วยงานรัฐ ฝ่ายวิชาการ สื่อมวลชน ขยายผลความรู้การรับมือไปยังเครือข่ายเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมเพื่อสุขภาพ ทสม. นักศึกษา จิตอาสา อสม .แกนนำชุมชน ให้สามารถเข้าใจความรู้พื้นฐาน เครื่องมืออุปกรณ์สื่อความรู้ต่างๆ