“รอบคอบรู้คิดมีจิตสาธารณะ”
คำขวัญวันเด็ก ปี 2554
ปี 2554 เป็นปีใหม่ที่เพิ่งย่างกรายเข้ามายังไม่ถึงสิบวันเป็นปีเถาะเป็นกระต่ายที่ใครจะมีคำต่อท้ายประการใดก็สุดแท้แต่เถิด อย่างปีที่แล้วปีขาลเป็นเสือก็ต่อท้ายคำว่าเสือดุบ้างเสือไฟบ้างว่ากันไป เพราะอิทธิพลของเสือก่อให้เกิดเหตุชั่วร้ายต่อสังคมประเทศชาติ เมื่อมาถึงกระต่ายอิทธิพลจะก่ออะไรบ้างก็จะถูกนำมาเป็นสร้อยท้ายกระต่ายนั่นกระต่ายนี่ว่ากันไป
ที่จริงพูดกันแบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม เรื่องดีหรือร้ายเกิดขึ้นเพราะคนในประเทศนี้สังคมนี้ทำขึ้นทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับเสือกับกระต่ายเลยแม้แต่นิดเดียวปีที่แล้วทั้งปีดูเหมือนจะไม่มีข่าวเสือออกจากป่า เสือหลุดมาอาละวาดผู้คนเลยหรือว่าไม่จริง
ปี 2554 นอกจากเป็นปีใหม่เปลี่ยนจากเสือเป็นกระต่ายแล้วยังเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม วันที่ 8 มกราคม 54 ยังอบอวลด้วยบรรยากาศเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่อยู่เลยก็ถึงวันสำคัญเข้าอีกวันหนึ่งวันเด็กแห่งชาติไงล่ะ
ขณะที่ส่งความสุขสนุกสนานเบิกบานรับปีใหม่คนไทยไม่น้อยรู้สึกสลดหดหู่เศร้าหมองไปในเวลาไล่เลี่ยกัน กับข่าวสถิติการสูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน บางชิ้นบางส่วนของร่างกายจากรักษาหายเป็นปกติไปจนถึงกลายเป็นคนพิการ อันรวมผลพวงแล้วกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมเหตุเพราะการส่งสุขเฉลิมฉลองสำราญในเทศกาลปีใหม่กันอย่างขาดสติด้วยเพราะอบายมุขเข้าครอบงำ
กลับมาที่วันสำคัญของไทยที่มีอยู่ที่เรานำมารำลึกนึกถึงกัน เราเน้นวันสำคัญเพื่อที่จะย้ำให้กระทำความดีให้แก่ตัวเองและคนอื่น ผ่านกระบวนการของศีล สมาธิปัญญา คือปฏิบัติอย่างเป็นกิจวัตรเป็นนิสัยด้วยความตั้งใจที่ดีงาม ด้วยความรอบคอบคิดดีแล้วจึงทำหรือที่นิยมใช้กันว่าคิดก่อนแบบจิตใจเป็นนายกายเป็นบ่าว ไม่ใช่ทำแล้วจึงมาคิดเพราะทำดีก็ดีไปทำผิดพลาดแล้วแก้ไม่ได้ กระบวนการเหล่านี้ย่อมหล่อหลอมให้เกิดความเป็นผู้มีสำนึกที่ดีงามที่เรียกว่าจิตสาธารณะ
ย้ำตรงนี้ว่าทุกวันเป็นวันสำคัญของการปลูกฝังการคิดดีทำดีอย่างเป็นนิสัยด้วยสติรู้คิด ปัญญารู้ทำ โดยเฉพาะวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่เราเหล่าพสกนิกรรวมจิตรวมใจเป็นหนึ่งเดียวทำความดีเพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล ขอให้ร่วมกันตระหนักเถิดว่าสำคัญทุกวันทำดีกันทุกวันเถอะ
เมื่อถึงวันสำคัญอย่างวันเด็กแห่งชาติปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 ม.ค. 54 อีกวันหนึ่งในฐานะคุณครู คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองแล้วก็รัฐบาลอันรวมถึงกระทรวงกรมกองต่างๆ ก็คิดตรงกันว่าจะปลูกฝังหล่อหลอมฝึกฝนให้เด็กและเยาวชนลูกๆ หลานๆ และลูกศิษย์เราเป็นคนคิดดีทำดีผ่านความสุขความเพลิดเพลินที่จัดให้ในวันดังกล่าว
ให้เด็กๆ และเยาวชนท่องจำตามคำขวัญที่คิดขึ้นแล้วย้ำในวันดังกล่าวด้วยว่า”รอบคอบรู้คิด มีจิตสาธารณะ” ปีแล้วปีเล่านับสิบนับร้อยปีกระมังที่ย้ำกันเพียงวันเดียว หลังวันเด็กแห่งชาติไปแล้วก็ไม่มีอะไรสำคัญต่อไป
ย้ำว่าวันที่ยึดถือกันว่าเป็นวันสำคัญไม่ใช่เพียงวันเดียว แต่ต้องปลูกฝังให้คนไทยทั้งประเทศสำนึกว่าสำคัญทุกวันจนเป็นนิสัย เพราะหัวใจหลักของวันสำคัญคือเน้นให้คนไทยทำความดีเป็นคนดี
คนดีทำดีเป็นยังไง ก็ต้องขยันหมั่นเพียร รู้จักอดทน รู้จักอดออม มีสำนึกของความสมัครสมานสามัคคี มีความกตัญญูกตเวที ไม่ตั้งอยู่ในความโลภ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น รู้จักให้อภัยห่างไกลอบายมุข เป็นต้น นั่นหมายถึงว่าจะต้องรู้จักความรอบคอบ รู้จักคิด วิถีดังกล่าวย่อมจะนำพาไปสู่การมีจิตสาธารณะโดยอัตโนมัติ
ในวันสำคัญอย่างวันเด็กแห่งชาติรัฐบาลให้คำขวัญไว้ว่า รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ บอกมาข้างต้นว่าไม่ใช่เน้นวันเดียว แต่ขอให้เน้นหล่อหลอมอบรมบ่มนิสัยทุกวัน เด็กและเยาวชนอาจจะเริ่มที่รอบคอบรู้คิดไม่ได้ ดูจะลึกซึ้งไป
ต้องเริ่มปลูกฝังให้มีจิตสาธารณะอย่างเช่นรู้จักช่วยเหลือตัวเองและคนอื่นรู้จักเผื่อแผ่คนอื่น รู้จักเสียสละ รู้จักทำประโยชน์ให้คนอื่นๆ แล้วก็ค่อยๆ แทรกให้รู้จักคิด ให้เป็นคนรอบคอบตามภาวะอายุไปก็น่าจะเหมาะสม
หรือรวมความว่าคำว่ามีจิตสาธารณะคือรู้จักเป็นผู้ให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพรปีใหม่ทรงเน้นการรู้จักเป็นผู้ให้ แล้วต้องปลูกฝังกันทุกวันไม่ใช่ให้กระดี๊กระด๊าเพียงวันเดียวคือวันเด็กแห่งชาติ
ปลูกฝังเด็กและเยาวชนให้เกิดนิสัยรอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ แบบเก่าๆเราได้ผู้ใหญ่ที่ล้นสังคมไทยกันทุกวันนี้ไม่มีใครเข้าใจจิตสาธารณะ
ต้องปลูกฝังคำขวัญวันเด็กแห่งชาติปีนี้แก่เด็กและเยาวชนทุกวันให้เขาสำนึกตั้งแต่เล็กจนโตจึงจะได้ผู้ใหญ่ที่ไม่ทำให้สังคมไทยเป็นอย่างทุกวันนี้ และฝากท้ายด้วยกิจกรรมวันเด็กที่หน่วยงานที่ทำเพื่อสังคมอย่าง สสส. ที่เชิญชวนเด็กและเยาวชนให้มาร่วมกิจกรรมวันเด็กกันที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับนำของเล่นที่อยากแบ่งปันให้กับน้องๆ มาร่วมกันบริจาคได้ที่ ซุ้ม สสส. ให้สมดังคำขวัญที่ว่าจิตสาธารณะ
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
Update : 06-01-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : กิตติภานันทร์ ลีจันทึก