รณรงค์ป้องกัน “ท้องไม่พร้อม” ต้องทำต่อเนื่อง
เชื่อเหลือเกินว่าผู้มีส่วนรับผิดชอบต่อปัญหาเรื่องเยาวชนและคนหนุ่มสาวไม่พร้อมที่จะท้อง แต่มีอันต้องท้องว่ามาจากสาเหตุใดบ้าง และรู้แล้วจะป้องกันได้หรือไม่ได้แค่ไหนเพียงใด นั่นก็รู้อยู่แก่ใจ ถ้าถามความเห็นว่ามันป้องกันได้มั้ยตอบว่าได้ แต่ได้สักกี่มากน้อย มันขึ้นอยู่ที่ความจริงใจและตั้งใจจะร่วมมือกันป้องกันหรือไม่ ป้องกันมิให้เกิดขึ้นเด็ดขาดไม่ได้อย่างน้อยก็ให้เกิดขึ้นช้าที่สุดน้อยที่สุดก็หมายถึงว่าขอให้มีความตั้งใจร่วมกันทำเถอะ รับรองว่าป้องกันได้แน่นอนแม้จะต้องใช้เวลาก็ตาม
มีผู้คนจำนวนมากมายพร้อมที่จะเป็นแนวร่วมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองผู้เห็นคุณค่าความดีงามในการรักษาสืบสานวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีอย่างไทยๆ ที่ยอมรับกันทั่วโลกว่างดงามเหลือเกิน ในเวลาเดียวกันก็ยอมรับความเจริญแบบสมัยใหม่ด้วย ด้วยความเข้าใจอย่างรู้เท่าทันว่าอะไรดีอะไรไม่ดียื่นมือเข้ามาร่วมอยู่แล้ว
อย่างเช่นสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) องค์การแพธ และวันนี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก็ขานรับอีกแล้วเป็นตัวตั้งตัวตีตีปี๊บเอาใจใส่ ไม่ใช่คิดตักตวงมือยาวสาวได้สาวเอา
เมื่อวันที่ 19 มกราคม กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และองค์การแพธแถลงข่าวเปิดตัวโครงการรณรงค์สร้างความตระหนักเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่าปัจจุบันประเทศไทยมี วัยรุ่นไทย อายุระหว่าง 15 – 19 ปี จำนวน 5 ล้านคน มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ถึง 1.25 ล้านคน มีอัตราการตั้งครรภ์อยู่ที่ 2.5 แสนคน/ปี ซึ่ง 50% ของเยาวชนที่ตั้งครรภ์เลือกที่จะทำแท้ง และมีอัตราการคลอดบุตร เฉลี่ย 1.2 แสนราย/ปีหรือเฉลี่ยวันละ 336 คน นอกจากนี้ประมาณ 1 ใน 4 ของวัยรุ่นที่ทำแท้ง เป็นการทำแท้งซ้ำและมีวัยรุ่นเพียง 1 ใน 3 ที่มีการคุมกำเนิดทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพราะเยาวชนส่วนใหญ่กว่า 65% ขาดความรู้ความเข้าใจในการป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่า จากวิกฤตการณ์เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น กระทรวงศึกษาธิการ จึงร่วมมือกับ สสส. และองค์การแพธ (PATH) เพื่อผลักดันให้เยาวชนในสถานศึกษาในพื้นที่นำร่องจำนวน 242 แห่ง ใน 22 จังหวัด มีความรู้ความเข้าใจถึงวิธีลดความเสี่ยงของการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่พร้อม และสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตลอดจนเรียนรู้เกี่ยวกับการแสวงหาความช่วยเหลือหรือค้นหาทางเลือกที่เหมาะสมเมื่อต้องเผชิญภาวะที่นำไปสู่เพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน หรือการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ซึ่งทุกภาคส่วนต้องเร่งสนับสนุนและส่งเสริมให้พ่อแม่และครูศึกษาชุดความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมเรื่องเพศของวัยรุ่น ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ใหญ่เข้าใจและเข้าถึงความต้องการของเยาวชน พร้อมเป็นที่ปรึกษาที่เหมาะสมให้กับวัยรุ่น
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาการตั้งท้องไม่พร้อมในวัยรุ่น ถือเป็นประเด็นหลักที่ สสส. ให้ความสำคัญ โดยคณะกรรมการกองทุน สสส. ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้กำหนดให้มีการจัดทำมาตรการป้องกันและแก้ไขการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น ประกอบด้วย 2 มาตรการสำคัญ คือ มาตรการระยะสั้น ผ่านการสร้างทักษะชีวิตและการสื่อสารเพื่อสร้างความตระหนักในสังคมเพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นลง 20% ภายในปี 2555 และมาตรการการขับเคลื่อนให้เกิดกลไกคณะกรรมการระดับชาติ โดยให้หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันทำงาน เพื่อปิดช่องว่างของการดำเนินงานที่ยังขาดอยู่
ทพ.กฤษดา กล่าวว่า โครงการ “UP TO ME”จึงเป็นตัวอย่างกิจกรรมการพัฒนาทักษะชีวิตให้เกิดความเข้าใจในเรื่องเพศของเยาวชนและพัฒนาแนวทางป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ซึ่งจะนำร่องในเขตพื้นที่การศึกษา 242 แห่งใน 22 จังหวัด
น.ส.ภาวนา เหวียนระวี ผู้จัดการโครงการรณรงค์สร้างความตระหนักเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น และผู้แทนองค์การแพธ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับรูปแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตในเรื่องเพศ จะใช้เวลา 3 ชั่วโมง ซึ่งจะประกอบด้วย การฉายภาพยนตร์ สลับกับกิจกรรมเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์และตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ รวมทั้งการค้นหาทางเลือกที่รอบด้านในการป้องกันและการแก้ไขสถานการณ์ท้องไม่พร้อม ผ่านการแสดงความเห็นเกี่ยวกับตัวละครที่สะท้อนวิถีของวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกิจกรรมเสริมความรู้ เช่น การทำแบบทดสอบ Sex Quiz การจำลองเป็นคนท้อง ฯลฯ
น.ส.ภาวนากล่าวว่า ทีมรณรงค์สัญจรซึ่งผ่านการอบรมจากโครงการฯ จำนวน 250 คน ประกอบด้วย เยาวชนที่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ จากศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน จากกลุ่มเยาวชนในแต่ละพื้นที่รวมทั้งเครือข่ายผู้ใหญ่ใจดีจากสถาบันการศึกษา สาธารณสุข และองค์กรพัฒนาเอกชนเยาวชนสามารถเชิญชวนเพื่อนๆ ชมหนังสั้นทางเว็บไซต์ lovecarestation.com และร่วมกิจกรรมในเว็บไซต์ดังกล่าว ตลอดจนเรียนรู้เรื่องเพศเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ lovecarestation.com ซึ่งเป็นเว็บให้คำปรึกษาในเรื่องสุขภาวะทางเพศของเยาวชนและเว็บไซต์ talk about sex ซึ่ง สสส. ได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ในการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังสำนักบริหารงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จำนวน 900แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการขยายผลไปยังสถานศึกษา และผู้ปกครองได้เข้ามาเรียนรู้ และนำไปสร้างความรู้ให้กับเยาวชนต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ โดย นายหวังดี