รณรงค์ป้องกันโรค IPD และปอดบวม
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า
แฟ้มภาพ
โรค IPD เป็นโรคติดเชื้อที่รุนแรงในเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 5 ปี และยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ป่วยเป็นโรคปอดบวมในเด็กเล็ก อย่างไรก็ตามสามารถป้องกันโรค IPD ด้วยการฉีดวัคซีน
มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน ร่วมกับสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เดินหน้ารณรงค์ส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดี มุ่งเน้นให้ความรู้สร้างเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับโรค IPD (Invasive Pneumococcal Disease) และปอดบวม และเรียนรู้การสร้างภูมิคุ้มกันต้าน “IPD” เนื่องในวันปอดบวมโลก (WorldPneumonia Day 2020) พร้อมเดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตเด็กไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส เพื่อเด็กกลุ่มเสี่ยง ปีที่ 5
โรค IPD เป็นโรคติดเชื้อที่รุนแรงในเด็กเล็ก และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยในแต่ละปีมีเด็กเสียชีวิตจากโรค IPD มากถึง 476,000 คนทั่วโลก นอกจากนี้โรค IPD ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กเล็กป่วยเป็นโรคปอดบวมที่รุนแรง ซึ่งโรคปอดบวมในเด็กเป็นปัญหาที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดให้วันที่ 12 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันปอดบวมโลก เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในการร่วมรณรงค์ป้องกัน ลดการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากโรคปอดบวม
และวันปอดบวมโลกในปีนี้อยู่ในช่วงที่สถานการณ์ยังตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากในทั่วโลกกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่นำไปสู่การเกิดโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ ซึ่งในแต่ละวันมียอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และอาจสูงถึง 1.9 ล้านคนในปีนี้
รศ. (พิเศษ) นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “เชื้อนิวโมคอคคัส” (Streptococcuspneumoniae) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรค IPD เชื้อชนิดนี้ พบได้ในทางเดินหายใจส่วนต้น (โพรงจมูกและคอหอย) โดยในเด็กไทยปกติพบเชื้อในทางเดินหายใจส่วนต้น เฉลี่ยประมาณร้อยละ 35 โดยพบมากที่สุดในเด็กทารกและเด็กเล็กในช่วงอายุ 2-3 ปี
ส่วนในผู้ใหญ่พบเชื้อในทางเดินหายใจส่วนต้นน้อยกว่าในเด็กมาก เฉลี่ยประมาณร้อยละ 4 ซึ่งปกติเชื้อที่อยู่ในลำคอจะไม่ก่อโรค แต่เมื่อร่างกายอ่อนแอลง เช่น เป็นหวัดหรือมีการติดเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจ เชื้อนิวโมคอคคัส ก็จะสามารถรุกรานเข้าไปในร่างกาย ทำให้เกิดโรคติดเชื้อที่รุนแรง หรือที่เราเรียกกันว่า “IPD” ได้
หากเชื้อแพร่ไปที่สมองจะทำให้เกิด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เด็กจะมีอาการ ไข้สูง ชัก ซึมมาก อาเจียนบ่อยปวดศีรษะอย่างรุนแรง และมีโอกาสเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว หากเชื้อแพร่ไปที่เลือดจะทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด เด็กจะมีอาการไข้สูง หายใจถี่หัวใจเต้นเร็ว อาจมีภาวะช็อคและเสียชีวิตได้หากเชื้อแพร่ไปที่ปอด ก็จะทำให้เกิดปอดบวมหรือเรียกอีกอย่างว่าปอดอักเสบ เด็กจะมีอาการ ไข้ ไอ หอบเหนื่อย
ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์,นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ และ รศ.(พิเศษ) นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ ให้ข้อมูลว่า จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกโรค IPD จึงยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบปีแรก นอกจากนี้เชื้อนิวโมคอคคัสยังทำให้เกิดโรค หูชั้นกลางอักเสบได้อีกด้วย แม้ไม่รุนแรงแต่พบได้บ่อย แพทย์สามารถวินิจฉัยโรค IPD จากอาการและการตรวจร่างกายผู้ป่วย แม้โรค IPD สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ
แต่ปัจจุบันพบว่า ในประเทศไทยเชื้อนิวโมคอคคัสมีอัตราการดื้อยาปฏิชีวนะสูงขึ้น ทำให้การรักษามีความซับซ้อนและเสียค่าใช้จ่ายในการรักษามากขึ้น การป้องกันโรค IPD ด้วยการฉีดวัคซีนจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะนอกจากจะลดโอกาสการเกิดโรค, อัตราการเสียชีวิต และพิการแล้ว ยังสามารถลดปัญหาการดื้อยาจากการที่ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะตั้งแต่แรกได้ด้วย ซึ่งนอกจากการฉีดวัคซีนแล้วการป้องกันโรค IPD ด้วยวิธีอื่นๆ ก็เป็นสิ่งจำเป็น อาทิ หลีกเลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัด ผู้ป่วยที่มีอาการของระบบทางเดินหายใจ ควรปิดปากเวลาไอจาม รวมทั้งสวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค และดูแลสุขภาพให้แข็งแรง”
นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน และอดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า “ปัจจุบันโรคปอดบวมที่เกิดจากเชื้อนิวโมคอคคัส หรือโรค IPD มีวัคซีนที่สามารถป้องกันโรคได้แล้ว ดังนั้นจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส เพื่อเด็กกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการป้องกันโรคนี้ได้ โดยเราได้ร่วมมือกับสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส เพื่อเด็กกลุ่มเสี่ยง ปีที่ 5 โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การเป็นตัวกลางในการส่งมอบวัคซีน ให้แก่โรงพยาบาลที่เด็กกลุ่มเสี่ยงต่อโรค IPD
เด็กกลุ่มนี้ได้แก่ เด็กมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคปอด โรคหอบหืด เด็กที่ไม่มีม้าม เด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น เป็นโรคมะเร็ง ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ติดเชื้อเอชไอวี ฯลฯ เพื่อลดโอกาสเจ็บป่วยลดค่ารักษาพยาบาล ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการที่พ่อแม่ต้องหยุดงานเพื่อมาดูแลลูกที่ป่วย เพราะจากข้อมูลพบว่า เด็กที่ป่วยเป็นโรค IPD มักต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนานมากกว่า 12 วันและเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า 50,000 บาทโดยเฉลี่ยแม้รักษาในรพ.รัฐก็ตาม
เพื่อช่วยเหลือเด็กกลุ่มเสี่ยง ในปีนี้เราได้จัดหาวัคซีนได้ทั้งหมด 4,500 โด๊ส และจะส่งมอบให้กับโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 30 โรงพยาบาลทั่วประเทศ นอกจากนี้ทางมูลนิธิฯ เองก็พร้อมที่จะผลักดันทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เด็กไทยได้รับวัคซีนป้องกันโรค IPD กันถ้วนหน้า เพราะอย่างที่เราทราบกันว่าวัคซีนตัวนี้ในปัจจุบัน ยังไม่ได้มีการบรรจุอยู่ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันแห่งชาติ”
ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ประธานคณะกรรมการสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า “สำหรับกรุงเทพมหานคร ในฐานะหน่วยงานภาครัฐยังให้ความสำคัญ และพยายามผลักดันให้กรุงเทพมหานคร พิจารณาโครงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค IPD เพื่อดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ซึ่งจากการประชุมครั้งล่าสุด ได้มีการพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะให้การป้องกันโรค IPD ด้วยวัคซีนในเด็กเล็กอีกด้วย รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจต่อโรคดังกล่าว จะสามารถลดความสูญเสียได้
ทางกรุงเทพมหานครคาดหวังว่า หากสามารถผลักดันให้นำวัคซีนป้องกันโรค IPD มาฉีดนำร่องให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้สูงอายุในกรุงเทพมหานครในปี 2564 ได้นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยและต่อสังคมในวงกว้างเป็นอย่างมากต่อไป”