รณรงค์ตรวจพัฒนาการเด็กเล็ก 5 ด้าน

สธ.จัดสัปดาห์รณรงค์ ตรวจพัฒนาการเด็กวัย 42 เดือน เผยพบปัญหาพัฒนาการไม่สมวัยสูงกว่าช่วงวัยอื่น หนุนพัฒนาการหลัก 5 ด้าน


รณรงค์ตรวจพัฒนาการเด็กเล็ก 5 ด้าน thaihealth


นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมเจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาธิการ มหาดไทยกลาโหม การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กทม. และกระทรวงสาธารณสุขในส่วนกลางและภูมิภาคจำนวน 200 คน ซึ่งเป็น 6 หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย เพื่อสร้างความร่วมมือ และชี้แจงแนวทางการดำเนินงานการส่งเสริมพัฒนาการเด็กไทยให้เป็นไปอย่างสมวัย พร้อมก้าวสู่สถานศึกษาอย่างสมบูรณ์  


นพ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในปี 2558 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการส่งเสริมพัฒนาการเด็กไทยเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเนื่องในโอกาสพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน2558 ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่1 เมษายน 2558-31 มีนาคม 2561 ผลการดำเนินงานในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่าสถานบริการสาธารณสุขสามารถคัดกรองเด็กปฐมวัย ตั้งแต่แรกเกิด และในช่วงวัย 9 เดือน 18 เดือน 30 เดือน ได้เป็นอย่างดีแต่ในกลุ่มอายุ 42 เดือน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในศูนย์เด็กเล็ก เป็นกลุ่มที่ผลสำรวจของกรมอนามัยในปี 2557 ที่ผ่านมา พบว่ามีปัญหาพัฒนาการไม่สมวัยสูงกว่าช่วงวัยอื่น จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหา โดยกำหนดจัดสัปดาห์รณรงค์คัดกรองพัฒนาการเด็กอายุ 42 เดือน ซึ่งมีประมาณ 70,000 คน ที่อยู่ในศูนย์เด็กเล็กกว่า 20,000 แห่งพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 6-10 กรกฎาคม 2558 ซึ่งเป็นสัปดาห์ของการพัฒนาประชากรไทย เนื่องในวันประชากรโลกตรงกับวันที่ 11 กรกฎาคม เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์ของพัฒนาการเด็กปฐมวัยว่ามีปัญหาหรือไม่


นายแพทย์คำรณ ไชยศิริ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าในการดำเนินการดังกล่าว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะประสานกับศูนย์เด็กเล็กในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตรวจคัดกรองพัฒนาการเด็กตามคู่มือเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ในพัฒนาการ 5 ด้านหลักได้แก่ การเคลื่อนไหว การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก การใช้ภาษา การเข้าใจภาษา การช่วยเหลือตนเองและสังคม หากพบว่าไม่สมวัย จะแนะนำครูพี่เลี้ยง พ่อ-แม่ผู้ปกครอง ให้กระตุ้นฝึกทักษะเด็กในเรื่องนั้นบ่อยๆ และติดตามประเมินซ้ำเมื่อครบ 1 เดือนหากยังไม่ผ่านเกณฑ์ จะส่งพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกกระตุ้นพัฒนาการในโรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อดูแลรักษาแก้ไขต่อไป


 


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code