ยาแก้ปวด ‘ทามาดอล’ ใช้ผิดประเภทอันตรายถึงชีวิต

อย.เตือนยาแก้ปวด “ทามาดอล” คล้ายกลุ่มยาเสพติด ชี้พบการใช้ผิดประเภทบ่อย หากเด็กใช้อันตรายมาก เผยเคยพบรายงานเสียชีวิตในต่างประเทศ

ภก.ประพนธ์ อางตระกูล ผอ.กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีที่พบการใช้ยาแก้ปวดผิดประเภท จนทำให้หมดสติ ว่า ยาแก้ปวดทามาดอล เป็นยาแก้ปวดชนิดรุนแรง ซึ่งมักใช้ในผู้ที่มีอาการปวดรุนแรงจนไม่สามารถใช้ยาแก้ปวดตำรับปกติได้ เช่น อาการปวดประจำเดือน ปวดตามข้อ เป็นต้น โดยยาดังกล่าวจัดเป็นยาอันตราย ที่สามารถขายในร้านขายยาได้ แต่ต้องขายและควบคุมการใช้โดยเภสัชกรเท่านั้น โดยยากลุ่มดังกล่าวจัดเป็นยาที่มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง เรียกว่ายากลุ่ม โอปิออยด์ โครงสร้างทางเคมีคล้ายกับยาเสพติดประเภทมอร์ฟีน โคเดอีน เป็นต้น จึงมักพบการใช้ผิดประเภทบ่อยครั้ง โดยที่พบบ่อยคือการนำไปผสมยานอนหลับ หรือน้ำอัดลม เพื่อหวังผลให้เกิดฤทธิ์ที่มากขึ้น
       
       “อาการไม่พึงประสงค์ของยาดังกล่าว ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ เช่น จะทำให้กลืน หายใจลำบาก เห็นภาพคล้ายประสาทหลอน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เกิดอาการชักได้ เพราะยาจะมีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง โดยในต่างประเทศเคยพบรายงานผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาผิดประเภท โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม มักนำยาดังกล่าวไปใช้ร่วมกับยา หรือสารประเภทอื่นๆ หลายชนิดด้วยกัน โดยเฉพาะเด็กจะเกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้มากกว่า เนื่องจากยาโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความรุนแรงการใช้จะต้องกะประมาณให้พอดีกับน้ำหนักตัวของผู้ใช้ ส่วนใหญ่ยาที่ใช้กับเด็กจะถูกลดปริมาณลงตามน้ำหนักตัว การนำยาไปใช้ให้เกิดผลในทางที่ผิด จึงอันตรายมากกว่า” ภก.ประพนธ์ กล่าว
       
       ภก.ประพนธ์ กล่าวต่อว่า ยาดังกล่าวแม้ว่าจะเป็นยากลุ่มอันตรายที่มีฤทธิ์แรง แต่ก็มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่ต้องใช้ยา ดังนั้น อย.จึงได้มีมาตรการควบคุมและติดตามการใช้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอความร่วมมือเภสัชกรให้เฝ้าระวัง และไม่ขายยาให้กับเด็ก หรือผู้ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าจะนำยาไปใช้ผิดประเภทด้วย ทั้งนี้ การยกระดับการใช้ยาเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่ออกประกาศฉบับเดียวก็สามารถยกระดับยาได้แล้ว แต่การตัดสินใจยกระดับหรือไม่ ต้องคำนึงถึงผลกระทบของประชาชนโดยรวมทั้งประเทศ เพราะยาดังกล่าวถือเป็นยาจำเป็น และมีประโยชน์ต่อผู้ป่วย การทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้ง่าย จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา การจะควบคุมอย่างไรจึงต้องคำนึงถึงความสมดุลเป็นหลัก

 

 

ที่มา : เว็บไซต์ astv ผู้จัดการออนไลน์

Shares:
QR Code :
QR Code