ยกระดับสถานีอนามัย สู่ รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล
ดีเดย์ 1 ต.ค. 1000 แห่ง ครอบคลุมทุกอำเภอ
ปฏิรูประบบสุขภาพคนไทย ตั้ง “โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล” ยกระดับจากสถานีอนามัย เป็นหน่วยดูแลสุขภาพเชิงรุก ดีเดย์ 1 ต.ค. พัฒนาให้ได้ 1,000 แห่ง ครอบคลุมทุกอำเภอ
(4 ก.ย.) อิมแพคเมืองทองธานี – กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดงานมหกรรม “โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล…จุดเปลี่ยนระบบสาธารณสุขไทย” โดยมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ผู้บริหาร นักวิชาการ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมประชุมกว่า 4 พันคน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะปฏิรูประบบสาธารณสุขไทย ด้วยการยกระดับและพัฒนาคุณภาพของระบบบริการสาธารณสุขที่มีอยู่ โดยจะยกระดับสถานีอนามัย ขึ้นเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการรักษาเป็นการส่งเสริมสุขภาพประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกรวดเร็ว รัฐบาลจึงเพิ่มงบค่าใช้จ่ายรายหัว 200 บาทต่อคน เพื่อให้เข้าถึงระบบสุขภาพอย่างถ้วนหน้า แต่ระบบบริการที่มีอยู่ไม่สามารถตอบสนองประชาชนได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะอยู่ในตัวเมือง ทำให้ประชาชนต้องเดินทางไกล เพื่อไปเข้ารับการรักษา โดยเฉพาะในกรณีที่เจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย ก็ต้องพากันเดินทางไกล เพื่อไปรักษา ในขณะที่สถานีอนามัยที่ให้บริการในระดับฐานรากมีอยู่ครอบคลุมทุกตำบล บางตำบลมีมากกว่า 1 แห่ง ทั้งประเทศรวมกว่า 10000 แห่ง หากเราพัฒนาสถานีอนามัยเหล่านี้ให้มีคุณภาพ ก็จะช่วยลดภาระของประชาชนได้มาก
“การยกระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเป็นการเพิ่มความสะดวกและเพิ่มการบริการให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลสามารถเชื่อมโยงกันในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทางอินเตอร์เน็ตที่สามารถติดต่อกันได้ทั้งภาพและเสียง ที่เรียกว่า “เทเลเมดดิซีน” เพื่อให้แพทย์จากโรงพยาบาลแม่ข่าย สามารถเห็นคนไข้ ซักถามข้อมูลการเจ็บป่วยโดยอยู่ห่างไกลกันได้ รวมถึงการดำเนินการในลักษณะที่ใช้รั้วโรงพยาบาลเป็นรั้วตำบล เตียงที่บ้านผู้ป่วย คือ เตียงคนไข้ เพื่อให้เกิดการดูแลสุขภาพเชิงรุกโดยทีมสหวิชาชีพ รวมถึงอาสาสมัครหมู่บ้านที่ผ่านการฝึกอบรมและเป็นการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าประชาชนไทยเจ็บป่วยมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีจำนวนผู้ป่วยนอกเข้ารับการรักษาในสถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศเพิ่มขึ้น จาก 130 ล้านครั้งในปี 2550 เป็น 140 ล้านครั้งในปี 2551 ทำให้การเข้ารับบริการต้องใช้เวลารอนานและแพทย์มีเวลาดูแลผู้ป่วยน้อยลง กระทวงสาธารณสุขจึงปรับยุทธศาสตร์การบริหารจัดการด้านสุขภาพแบบใหม่ด้วยการปฏิรูปกลไกการทำงานของสถานีอนามัย ซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดและครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศจำนวน 9,810 แห่ง มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 30,000 คน โดยพัฒนาเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) ซึ่งนับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของระบบสาธารณสุขไทย ด้วยการทำงานเชิงรุกที่เน้นการสร้างเสริมสุขภาพ โดยให้ประชาชนและองค์กรปกครองท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพตนเองและท้องถิ่น เพื่อลดการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง รวมทั้งปรับปรุงบริการสุขภาพให้ประชาชนเข้ารับบริการในพื้นที่ได้สะดวกมากขึ้น
“โครงการพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุภาพตำบล จะใช้เวลาดำเนินการ 3 ปี ระหว่างปีงบประมาณ 2552-2555 โดยใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 50,000 ล้านบาท จากงบของกระทรวงสาธารณสุข องค์กรปกครองท้องถิ่น สปสช. และ สสส. รวม 30,877 ล้านบาท และงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจในโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาล อีกจำนวน 14,973 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงอาคารสถานที่ เครื่องมือแพทย์ และรถพยาบาลที่ใช้ส่งต่อผู้ป่วย 1,000 คัน ซึ่งในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะเกิดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลขึ้นทั้งหมด 1,001 แห่ง ครอบคลุมในทุกอำเภอที่มีอยู่ 800 กว่าแห่งทั่วประเทศ และภายใน 3 ปี จะพัฒนาให้เป็น 9,000 แห่งทั่วประเทศ” รวต.สธ. กล่าว
ด้าน นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจะมี 3 ขนาด ตามจำนวนประชากรที่รับผิดชอบ ได้แก่ ขนาดเล็ก ดูแลประชากรไม่เกิน 3,000 คน มีเจ้าหน้าที่ 5 คน ขนาดกลางดูแลประชากรไม่เกิน 6,000 คน มีเจ้าหน้าที่ 7 คน และขนาดใหญ่ดูแลประชากรมากกว่า 6,000 คน มีเจ้าหน้าที่ 9 -10 คน ในด้านการรักษาพยาบาล จะเพิ่มพยาบาลเวชปฏิบัติประจำทุกแห่ง ทำหน้าที่ตรวจรักษาโรคพื้นฐาน และทำงานร่วมกับ อสม.ในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เชื่อมั่นว่าประชาชนจะได้ประโยชน์ในการพัฒนาครั้งนี้อย่างมาก
เรื่องโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์ Team content www.thaihealth.or.th
Update 05-09-52