ยกระดับรับเฟรชชี่ดึงสถาบันเสี่ยงปลอดเหล้า


แม้ผลสำรวจของเอแบคโพลล์ล่าสุดยืนยันว่า สถิติการดื่มแอลกอฮอล์ในกิจกรรมรับน้องมีแนวโน้มลดลงทุกปี ปัจจัยหนึ่งเนื่องจากในปีที่ผ่านมามี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมาบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ห้ามดื่มและขายน้ำเมาในรั้วสถานศึกษา ตลอดจนห้ามขายเหล้าให้กับเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20ปี ขณะเดียวกันก็เป็นผลจากการทำงานของนิสิตนักศึกษาตามสถาบันต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการรับน้องปลอดเหล้า ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้สนับสนุนขบวนการพัฒนาของกิจกรรมรับน้อง โดยมุ่งเน้นรุ่นพี่เป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ชวนน้องดื่ม และจัดรับน้องด้วยความรักผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ได้เลือกเฟ้นมาเพื่อรับขวัญน้องใหม่แบบไร้แอลกอฮอล์


สำหรับปีนี้ สสส. เดินหน้าสร้างกระแสรณรงค์ชูสโลแกน “พี่น้องสนิทกันได้ ไม่เห็นต้องดื่ม” โดยทำงานร่วมกับกลุ่มเครือข่ายนิสิตนักศึกษา เพื่อให้การจัดรับน้องเป็นประเพณีที่สร้างความสามัคคี กระตุ้นความภาคภูมิใจในสถาบัน และพี่สอนน้องให้รู้จักการใช้ชีวิตในสถาบัน เดินถูกทิศทางในช่วง 4 ปีที่ต้องศึกษาเล่าเรียนอยู่


ผศ.ดนัย หวังบุญชัย ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการกำกับทิศทางแผนงานทุนอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อทดแทนธุรกิจแอลกอฮอล์กล่าวแนะนำแนวทางและรูปแบบการจัดกิจกรรมปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานศึกษา โดยเฉพาะโครงการรับน้องปลอดเหล้าว่า ปี 2553 ที่ผ่านมา มีสถาบันที่เป็นต้นแบบที่ดีและเปิดโอกาสให้สถาบันอื่นได้เข้ามาเรียนรู้ หรือ  U-Network 11สถาบัน และมีสถาบันที่มีศักยภาพเป็นพี่น้องกับ U-Network อีก 12 สถาบันที่เรียกว่า  U-Participation ซึ่งทั้ง 23 สถาบันนี้รวมพลังกันจัดรับน้องแบบไร้แอลกอฮอล์ แต่อยากเห็นการเกิดขึ้นของเครือข่ายระหว่างสถาบันที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการทำกิจกรรม ขณะเดียวกันยังมี 37 สถาบันที่เป็น  U-Active ซึ่งยังขาดกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ต่อเนื่อง และขาดการสร้างนวัตกรรมใหม่ในสถาบัน รวมไปถึงอีก 7 สถาบันการศึกษาที่เป็น U-Plus คือ มีแนวโน้มเป็นกลุ่มเสี่ยง แต่ก็ยังสามารถพัฒนากิจกรรมต่างๆ ที่ทำอยู่ได้


“ปีนี้จะสร้างเครือข่ายกับกลุ่มสถาบันที่มีความเสี่ยงให้เข้มข้นขึ้น เราพบว่ามี 7 สถาบันที่มีพฤติกรรมรับน้องรุนแรง กิจกรรมไม่เหมาะสม และเหล้าล้อมรอบสถานศึกษา พื้นที่เต็มไปด้วยสถานประกอบการ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่สถาบันหรือรุ่นพี่ลำบากใจจะส่งโครงการเข้าร่วมรับทุนสนับสนุน เพราะยากต่อการปฏิบัติ อย่างกิจกรรมพาน้องขึ้นดอย เฟรชชี่เดย์ เฟรชชี่ไนต์ บางสถาบันยังพบเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควบคุมรุ่นพี่ไม่ได้ บรรยากาศพาไป แต่ก็มี ม.เชียงใหม่ เมื่อปีที่แล้วจัดกิจกรรมลูกช้างหนีเหล้าเข้าวัด ปีนี้เน้นเชิงรุกกับกลุ่มอาชีวศึกษา เพราะกลุ่มอุดมศึกษาไม่มีปัญหาความรุนแรงแล้ว จะผลักดันเพื่อให้ผู้บริหาร นิสิต พัฒนากิจกรรมเพื่อสังคม คุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ปกครอง ก็ต้องสกัดกั้นนักดื่มหน้าใหม่ช่วงรับน้อง” ผศ.ดนัยกล่าว พร้อมแสดงความกังวลผลสำรวจที่ระบุนักศึกษาก้าวออกจากรั้วสถาบันเพียง 15 ก้าว ก็เข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ง่าย การหาร้านหนังสือยังยากเย็นเสียกว่า ซึ่งนอกจากกิจกรรมรับน้องปลอดเหล้าแล้ว กลุ่มนักศึกษาที่เข้มแข็งต้องผลักดันกิจกรรมแบบอย่างลดการเข้าถึงน้ำเมาควบคู่ไปด้วย


“บรรยากาศในมหาวิทยาลัยและรอบรั้วสถาบันควรเป็นสิ่งที่ประเทืองปัญญามากกว่ามอมเมาปัญญา” ผู้ทรงคุณวุฒิเน้นย้ำ ขณะเดียวกันในช่วงเทศกาลรับน้องปี 2554 ที่ใกล้เข้ามาทุกขณะนี้ ยังให้ทิศทางกิจกรรมปลอดเหล้าในสถานศึกษาว่า เน้นทำงานกับผู้บริหารระดับสูงและการบังคับใช้กฎหมาย ที่ผ่านมาพบปัญหาติดป้ายโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แม้เมื่อสาวไปถึงการกระทำผิดพบความไม่รู้ แต่ก็ทำให้ภาพลักษณ์สถาบันเสียหาย สำหรับการทำงานกับเครือข่ายนักศึกษา เน้นสร้างประเด็นร่วม อาทิเช่น จัดตั้งชมรมสร้างเสริมสุขภาพ จะให้ความสำคัญกับดนตรี กีฬา งานบุญงานประเพณี ศิลปวัฒนธรรม หรือกิจกรรมสันทนาการก็ได้ แต่ทุกกิจกรรมต้องปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้กิจกรรมของสถาบันต้องมุ่งเน้นการรู้เท่าทันกลยุทธ์และเฝ้าระวัง ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายรอบสถานศึกษา อีกประการสำคัญคือ ยกระดับแกนนำนิสิตนักศึกษาด้วยกิจกรรมเวทีประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงประเด็นน้ำเมา ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาในหลายพื้นที่กลุ่มนักศึกษาเข้าไปมีบทบาทมากกับการทำกิจกรรมสงกรานต์ปลอดเหล้า และดึงประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นมาเป็นหัวใจทำงาน


“กิจกรรมรับน้องมีระยะเวลา 2-3 เดือน แต่ช่วงเวลาที่เหลือรุ่นพี่รุ่นน้องควรรวมพลังผลักดันกิจกรรมปลอดเหล้าและบุหรี่ให้เกิดในทุกๆ กิจกรรมของสถาบันตลอดทั้งปี เพื่อลดนักดื่ม นักสูบหน้าใหม่ สำหรับกลุ่มที่ดื่มหนักก็ให้ดื่มลดลงและเลิกดื่มในที่สุด ช่วงเวลาที่นักศึกษาใช้ชีวิตในสถาบันถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ สิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต กิจกรรมต่างๆ เป็นตัวสร้างประสบการณ์สำคัญในวันข้างหน้า การจัดกิจกรรมรับน้องก็เป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เสนอไอเดียหรือนวัตกรรมใหม่ๆ อยากย้ำว่า เหล้าสร้างมิตรภาพไม่ได้


ด้าน ผช.ศ.ดร.พีระ จูน้อยสุวรรณ รองผู้อำนวยการกองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงใหม่ อีกผู้บริหารที่ทำงานขับเคลื่อนกิจกรรมปลอดเหล้ากับกลุ่มนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย กล่าวว่า ที่ผ่านมากิจกรรมพาน้องขึ้นดอยของหลายสถาบันยังไม่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็ได้รณรงค์อย่างต่อเนื่อง การดื่มลดลง เพราะสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งกิน ดื่ม เมาตั้งแต่ตีนดอย เมื่อถึงบนดอยก็ตะโกนหรือร้องเพลงเสียงดังขัดแย้งกับประเพณีดั้งเดิมของชาวล้านนาที่สืบทอดกันมา ชาวบ้านท้วงติงเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม สำหรับปีนี้เตรียมจับมือกับมหาวิทยาลัยเชิงดอยสุเทพทำกิจกรรมรับน้องร่วมกับชุมชนคนรักเชียงใหม่และ อบจ. เพื่อปรับภาพลักษณ์รับน้องขี้เหล้า เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสในการสร้างกิจกรรมที่เกิดประโยชน์กับชุมชนมากขึ้น อาทิ ทำโครงการเดินขึ้นดอยปีนี้ ทำดีเพื่อพ่อ เป็นปีที่ 2 อยากฝากถึงนิสิตนักศึกษารับน้องเป็นประเพณีดีงาม แต่ทุกวันนี้วิธีการจัดรับน้องทั้งแปลกและคิดแผลงๆ ด้วยความรู้ไม่เท่าทันของเยาวชน รุ่นพี่ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติและเรียนรู้การจัดกิจกรรมดีๆ จากสถาบันที่เป็นต้นแบบ เพื่อให้น้องใหม่ที่ก้าวสู่รั้วหมาวิทยาลัยสดใส ปลอดอบายมุขทุกอย่าง


 


 


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code