ม.หัวเฉียวฯ ต้นแบบมหาวิทยาลัยปลอดบุหรี่

ที่มา : เดลินิวส


ภาพประกอบจาก สสส.


ม.หัวเฉียวฯ ต้นแบบมหาวิทยาลัยปลอดบุหรี่ thaihealth


จากข้อมูลสถานการณ์การสูบบุหรี่ในเยาวชน ปี 2560 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบเยาวชนไทยมีแนวโน้มสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น อายุเริ่มสูบน้อยลง โดยกลุ่มอายุ 19-24 ปี มีอัตราการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จากร้อยละ 20.2 เพิ่มเป็นร้อยละ 20.4 ในปี 2560


ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักสูบอายุน้อยลงมาจากอุตสาหกรรมยาสูบใช้สื่อออนไลน์ทำการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจการศึกษาการตลาดในธุรกิจยาสูบ ที่พบเยาวชนสูบบุหรี่ถึงร้อยละ 45 ในจำนวนนี้สูบบุหรี่ไฟฟ้าร้อยละ 30.5 นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กเริ่มต้นสูบบุหรี่ตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษา โดยอุตสาหกรรมยาสูบ มักทำการตลาดส่งเสริมการขายและโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ เพราะเป็นช่องทางที่เข้าถึงเยาวชนง่าย และเป็นวัยที่อยากรู้ อยากลอง


"ต้องยอมรับว่าบุหรี่ เหล้าเป็นสารเสพติด เพราะความรุนแรงของนิโคตินไม่สามารถให้สมองกลับไปทำงานได้ปกติ ดังนั้นในบางคนต้องใช้ยาซึ่งเรามีความพยายามที่จะให้คนเลิกบุหรี่ด้วยการโทรฯ มาขอคำปรึกษา 1600 แต่ยอมรับว่ายังมีคนเข้ามาใช้ไม่มาก" นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์คณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 กล่าวระหว่างดูพื้นที่มหาวิทยาลัยปลอดบุหรี่ ที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ จ.สมุทรปราการ


มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เข้าร่วมเครือข่ายมหาวิทยาลัยปลอดบุหรี่มาตั้งแต่ปี 2557 โดยมีการทำงานอย่างเป็นระบบ ไม่ได้มีกฎห้ามสูบบุหรี่แต่จะสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับนศ.ใหม่ โดยมหาวิทยาลัยจัดพื้นที่สูบบุหรี่ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมยาสูบคืออยู่นอกอาคาร และมีจุดเดียวซึ่งอยู่ห่างจากอาคารเรียนและไม่เป็นมุมสาธารณะที่คนผ่านไปผ่านมา เป็นกลไกหนึ่งที่ทำให้ นศ.เลิกบุหรี่ได้ เพราะสถานที่สูบอยู่ไกลจากอาคารเรียนมาก นอกจากนี้ยังมีคลินิกเลิกบุหรี่ในมหาวิทยาลัย


รศ.ดร.อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า กำหนดให้อาคารทุกแห่งเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ จัดโซนสูบบุหรี่ตามกฎหมายกำหนด สนับสนุนกิจกรรมรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ผ่านแกนนำนักศึกษา และให้บริการคลินิกฟ้าใส เพื่อช่วยบุคลากร เจ้าหน้าที่ นักศึกษาที่ต้องการเลิกบุหรี่ให้เลิกสูบได้สำเร็จ โดยให้คำปรึกษาผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ และส่งต่อเข้าสู่ระบบการบริการสุขภาพ โดยดึงแกนนำนักศึกษาเข้าร่วมช่วยบำบัดรุ่นพี่ รุ่นน้องให้เลิกบุหรี่อย่างเต็มใจและเป็นระบบ


"ตั้งแต่เข้าร่วมโครงการ "มหาวิทยาลัยปลอดบุหรี่" นักศึกษาของมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฎระเบียบมากถึงร้อยละ 90 พบปริมาณก้นบุหรี่ในห้องน้ำลดลงมาก มีรุ่นพี่ รุ่นน้อง ช่วยกันสานพลังชวนกัน ลด ละ เลิก บุหรี่มากขึ้น โดยไม่ต้องผ่านการบังคับ ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการทำกิจกรรม สร้างหลักสูตร และการออกแบบพื้นที่ห้ามสูบและสูบชัดเจน จนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบสานจากรุ่นสู่รุ่น"


"แบงค์" นศ.คณะบริหารธุรกิจ เป็นนศ.ที่ติดบุหรี่ เล่าถึงตัวเองว่าติดบุหรี่ตั้งแต่ชั้นมัธยมปลายแล้วเพราะเพื่อนชวนให้ลองและเคยเลิกบุหรี่ได้ตอนที่มีแฟน แต่ต้องกลับมาติดบุหรี่อีกเพราะอกหัก แต่จะสูบแค่วันละ 1-2 มวนเท่านั้น เพราะพื้นที่สูบบุหรี่อยู่ไกล


นพ.คำนวณ กล่าวว่า ปัจจุบัน สสส. สามารถขยายโครงการมหาวิทยาลัยปลอดบุหรี่ มีสถาบันอุดมศึกษาเข้าร่วมทั้งสิ้น 164 แห่ง มหาวิทยาลัยหัวเฉียวฯ จ.สมุทรปราการ มีความโดดเด่นเรื่องการสร้างการมีส่วนร่วมจากบุคลากรและนักศึกษาที่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามการจัดพื้นที่ปลอดควันบุหรี่ โดยในปี 2564 เตรียมยกระดับโครงการมหาวิทยาลัยปลอดบุหรี่ โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้เท่าทันเรื่องผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่มากขึ้น ส่งเสริมการจัดตั้งระบบคัดกรอง บำบัด ฟื้นฟู ผู้ต้องการเลิกบุหรี่ให้ต่อเนื่อง พร้อมขยายการทำงานไปยังมหาวิทยาลัยที่ไม่มีหลักสูตรทางการแพทย์มากขึ้น เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ฯลฯ


เพราะบุหรี่เป็นต้นเหตุสำคัญของกลุ่มโรคเอ็นซีดี เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ.

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ