‘มูลนิธิกระจกเงา’ เผยข้อมูลคนเร่ร่อน
ที่มา : สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.
ภาพประกอบจากเว็บไซต์สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.
มูลนิธิกระจกเงา เผยข้อมูลคนเร่ร่อน ชี้รัฐบาลแก้ผิดจุด
นายสิทธิพล ชูประจง หัวหน้าโครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา กล่าวถึงสถานการณ์ของคนเร่ร่อน ไร้ที่พึ่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ก่อนหน้านี้ มูลนิธิกระจกเงา เคยร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.ทำการสำรวจบุคคลเร่ร่อนไร้ที่พึ่ง เมื่อปี 2558 มีประมาณ 1,300 คน แต่ภายหลังจากรัฐบาลทำการจัดระเบียบคนเร่ร่อน ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา ก็พบว่า กลุ่มคนเหล่านี้ก็อยู่กันแบบกระจัดกระจายไม่เกาะกลุ่มกันเหมือนเดิม บางส่วนขยายไปอยู่ชายขอบเมืองหลวง และบางส่วนถูกพาไปอยู่ในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหรือสถานสงเคราะห์
สำหรับสาเหตุหลักของการออกมาใช้ชีวิตคนเร่ร่อน ส่วนใหญ่ที่พบคือ มีปัญหาครอบครัว ไม่สามารถอยู่ที่บ้านได้ จึงออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน ซึ่ง 90% ของคนเร่ร่อน เป็นคนมีบ้านมีถิ่นที่อยู่ มีรากเหง้า แต่ด้วยต้นทุนชีวิตที่อาจจะด้อยกว่าคนทั่วไป เพราะบางคนการศึกษาไม่สูง ฐานะยากจน เมื่อออกมานอกบ้าน ไม่มีต้นทุนในการดำรงชีวิต ทำให้ต้องกลายมาเป็นคนเร่ร่อน และเท่าที่สำรวจพบว่า ผู้ที่ออกมาใช้ชีวิตเร่ร่อนนอกบ้านนั้น บางคนนานกว่า 20 ปี
ทั้งนี้ปัญหาของคนไร้ที่พึ่ง อีกเรื่องที่พบ คือ การเสียสิทธิ์ ในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล ตามสิทธิบัตรทอง หรือ บัตร 30 บาท เนื่องจาก บางคนบัตรประชาชนหาย ไม่สามารถไปต่อบัตรประชาชนได้ เพราะออกจากบ้านมานาน และไม่มีใครไปรับรองตัวบุคคลได้ ในเรื่องสวัสดิการการรักษาพยาบาล จึงเป็นปัญหาสำคัญของกลุ่มคนเร่ร่อนไร้ที่พึ่ง
ก่อนหน้านี้ มูลนิธิกระจกเงา เคยเสนอ 10 ข้อคิดเห็นและแนวทางในการจัดระเบียบคนเร่ร่อนไร้ที่พึ่งต่อรัฐบาล แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนอง เนื่องจากภาครัฐเอง ยังมองภาพว่า กลุ่มคนเร่ร่อนไร้ที่พึ่ง เป็นกลุ่มคนที่สุ่มเสี่ยงก่ออาชญากรรม และสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งหากภาครัฐ ยังมองกลุ่มคนเร่ร่อน ไร้ที่พึ่ง ในลักษณะนี้ การแก้ปัญหาหรือการจัดระเบียบก็จะทำได้ไม่ตรงจุด
อย่างไรก็ตาม มูลนิธิกระจกเงา ยังคงเดินหน้าทำกิจกรรม เพื่อคนไร้ที่พึ่ง และการติดตามคนหาย ซึ่งยังคงเปิดรับบริจาคสิ่งของจำเป็น ทั้งหนังสือ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของเล่นเด็ก เพื่อนำไปมอบให้กับ เด็กๆ หรือ บางส่วนสามารถนำไปขาย เพื่อนำรายได้มาใช้ในกิจกรรมของทางมูลนิธิกระจกเงาต่อไป