มาออกกำลังกายกันเถอะ
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
ในช่วงเทศกาลนี้ หลายท่านคงได้ใช้วันหยุดเดินทางท่องเที่ยว เยี่ยมเยียนพ่อแม่ญาติพี่น้อง ทำกิจกรรมกับครอบครัว สังสรรค์กระชับความสัมพันธ์กับมิตรสหาย หรือบางท่านอาจพักผ่อนอยู่กับบ้าน สะสางการงานที่คั่งค้าง หรือใช้เวลาที่สงบเงียบพิจารณาทบทวนตัวเอง ฯลฯ
มีสิ่งหนึ่งที่คนจำนวนไม่น้อยนิยมทำกันในช่วงปีใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี คือการทบทวนตัวเองในรอบปีที่ผ่านมาและตั้งเป้าหมายของ ชีวิตในปีใหม่ข้างหน้า สำหรับปีใหม่ 2560 นี้ ขอชวนคิดชวนคุย เชิญชวนท่านผู้อ่านตั้งเป้าหมายหรือปณิธานสักเรื่องหนึ่งนะครับ นั่นก็คือการดูแลเอาใจใส่สุขภาพกายและสุขภาพใจของตัวเอง
ผู้เขียนเคยได้ยินผู้ใหญ่กล่าวไว้ เป็นข้อคิดจำง่าย ๆ ว่า "สุขภาพเป็นของเรา เอง เงินทองเป็นของคนอื่น อำนาจเป็นสิ่งชั่วคราว ความดีเป็นสิ่งถาวร" บางท่านกล่าวในเรื่องเดียวกันไว้ในอีกมุมหนึ่งว่า" โดยทั่วไปช่วงชีวิตของคนเราจะเป็นเช่นนี้คือ ช่วงแรกของชีวิตคือ ไม่มีเงิน มีเวลา มีแรง ช่วงชีวิตถัดไป เริ่มมีเงินแล้ว มีแรง แต่ไม่มีเวลา และในช่วงชีวิตสุดท้ายคือ มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง" แล้วเราควรจะทำอย่างไรเพื่อ ให้มีแรงเมื่อถึงช่วงท้ายสุดของชีวิต?
การดูแลเอาใจใส่สุขภาพของตนเองจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แม้แต่ในยามวิกฤติบนเครื่องบิน ยังมีคำแนะนำให้เราใส่เครื่องช่วยหายใจให้กับตัวเราเองก่อน แล้วจึงดูแลคนอื่นต่อไป ฟังดูแม้จะคล้ายเห็นแก่ตัว แต่นั่นคือการปฏิบัติที่ถูกต้อง และเมื่อมา ทบทวนดูอย่างพินิจพิเคราะห์แล้ว เป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างที่สุด ที่เราต้องทะนุถนอมดูแลสุขภาพของเรา เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งดี ๆ ทั้งหลายที่เราอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ครอบครัว ญาติมิตร สังคม ประเทศชาติ จะไม่มีทางเกิดขึ้น หากสุขภาพเราไม่อำนวย ยิ่งไปกว่านั้นหากสุขภาพร่างกายเราอ่อนแอ หรือมีโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากเป็นปัญหาและเดือดร้อนกับ ตัวเอง ครอบครัว ญาติมิตรแล้ว ยังอาจนำไปสู่ผลเสียและเป็นปัญหาของสังคม ประเทศชาติโดยรวมได้อีกด้วย
สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ทั้งประเทศมีคนไทยเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือคิดเป็น 26.1% นอกนั้นอีก 73.9 % ไม่เล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย หรือข้อมูลของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำรวจรูปแบบการมีกิจกรรมทางกายของคนไทยพบว่า คนไทยใช้เวลาหมดไปกับการนอนโดยเฉลี่ย 8.20 ชั่วโมง อีก 13.40 ชั่วโมงหมดไปกับพฤติกรรมเฉื่อย เช่น ยืน เดิน นั่ง ทำโน่นทำนี่ที่ไม่ค่อยได้ใช้กำลัง หรือทำแล้วไม่ได้เหงื่อ ที่ได้มีการขยับร่างกายจริงจังหรือออกกำลังกาย เฉลี่ยวันละไม่เกิน 2 ชั่วโมง เท่านั้น และการไม่ออกกำลังกายคือสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้สุขภาพไม่ดี ทำให้เกิดโรคต่างๆ สารพัด โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือโรค NCDs (Non-Communicable Diseases) หรือบางท่านเรียกว่า โรควิถีชีวิต อาทิ เบาหวาน หลอดเลือดสมองและหัวใจ ถุงลมโป่งพอง มะเร็ง ความดันโลหิตสูง โรคอ้วนลงพุง ซึ่งคนไทยเป็นโรคอ้วนติดอันดับ 5 ของเอเชีย-แปซิฟิก และความอ้วนนี้เองที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดโรคภัยต่าง ๆ ประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายจากการใช้ยา ปีละนับแสนล้านบาท และมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี มีผลการวิจัย การสำรวจมากมายที่ระบุว่าค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศไทยสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วกว่า 2 เท่าตัว และการป้องกันดูแลสุขภาพ ใช้งบประมาณน้อยกว่าการรักษาอย่างมาก ฯลฯ
ความสำคัญของสุขภาพเป็นเรื่องที่อธิบายได้ง่ายๆ และตรงไปตรงมา ผู้เขียนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่รับรู้และเข้าใจถึงผลดีผลเสียของการดูแลรักษาสุขภาพตัวเองได้ คำถามจึงมีว่า แล้วทำไมคนส่วนใหญ่ของประเทศจึงไม่ออกกำลังกาย สถิติระบุว่าเหตุผลข้อที่สำคัญที่สุดคือไม่มีเวลา 39.7% รองลงไปคือไม่สนใจ 31.1% ที่เหลือก็หาสถานที่สะดวกและเหมาะสมไม่ได้ หาอุปกรณ์กีฬาหรือการออกกำลังกายที่ต้องการไม่ได้ งานที่ทำก็ใช้แรงงานอยู่แล้ว ฯลฯ
เหตุผลที่ว่าไม่มีเวลาในการออกกำลังกายนั้น เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจสำหรับประชากรจำนวนหนึ่งที่อยู่ภายใต้เศรษฐกิจที่ยากลำบาก การแก้ไขในเรื่องนี้เป็นภาระสำคัญของรัฐบาลที่ต้องช่วยเหลือและกำลังช่วยเหลืออยู่ สำหรับสาเหตุอื่น ๆ อยู่ในวิสัยที่รัฐบาลจะแก้ไขจัดการได้ แต่สำหรับประชากรอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางเศรษฐกิจและต่างทราบดีว่าผลร้ายของการไม่ออกกำลังกายมีอะไรบ้าง ซึ่งรวมถึงผู้เขียน แต่บางครั้งก็ยังลืม ยังละเลย ไม่ระมัดระวังดูแลเอาใจใส่สุขภาพของตัวเอง ปีใหม่นี้จึงขอเชิญชวนท่านผู้อ่านตั้งเป้าหมายดูแลสุขภาพกันครับ
ข้อเสนอสำคัญคือ นอกจากจะเป็นปณิธานในวันปีใหม่ของแต่ละบุคคลแล้ว รัฐบาลโดยท่านนายกรัฐมนตรีที่กำลังรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนออกกำลังกายนั้น กรุณาทำให้ "ประเทศไทยแข็งแรง คนไทยสุขภาพดี" เป็นวาระแห่งชาติด้วยครับ จะเป็นของขวัญปีใหม่ และเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องระยะยาวเรื่องหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน