มากกว่าแว่นตา คืออนาคตที่สดใส

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


มากกว่าแว่นตา คืออนาคตที่สดใส thaihealth


เมื่อ "ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ" แล้วเด็กนักเรียนในพื้นที่ชายแดนจะเป็นอย่างไรหากหัวใจที่ว่านี้ยังมองเห็นอย่างพร่ามัว


เพราะสายตาและการมองเห็นคือจุดเริ่มต้นของพัฒนาการทางสมองที่จะนำไปสู่พัฒนาการด้านอื่น ๆ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิฟอร์เวิร์ด (Forward Foundation) ลงพื้นที่ศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ อ.พบพระ จ.ตาก เพื่อเยี่ยมชมและมอบแว่นสายตาแก่นักเรียนในโรงเรียนชายแดนที่มีปัญหาสายตากว่า 60 คู่ ภายใต้ชื่อโครงการ "Wonder View มากกว่าแว่นตา คืออนาคตที่สดใส" จากการเปิดโอกาสให้ประชาชน ร่วมบริจาคในการออกบูธกิจกรรม Good Society Expo เทศกาลทำดีหวังผล ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา


ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. เล่าว่า โครงการ Wonder View มากกว่าแว่นตาคืออนาคตที่สดใสพัฒนาจากโครงการนับเราด้วยคน ที่ใช้แนวคิดการดึงส่วนร่วมจากภาคสังคมในการช่วยเหลือประชากรกลุ่มเฉพาะให้เข้าถึงในการรับสิทธิบริการอย่างทั่วถึง จากการทำงานช่วยเหลือประชากรกลุ่มเฉพาะพบปัญหาใน 3 ประการ คือ 1. การพิสูจน์สิทธิสถานะทางบุคคล 2. การเข้าถึงสิทธิบริการ และ 3. การใช้ประโยชน์ในสิทธิดังกล่าวได้จริง สสส. จึงเน้นการทำงานในการสร้างพื้นที่ต้นแบบและการสร้างกลไกขยายผล ซึ่ง รร.ชุมชนบ้านพบพระ จ.ตาก เป็นหนึ่งพื้นที่ต้นแบบในการใส่ใจสุขภาพด้านสายตาแก่นักเรียนขาดแคลนและนักเรียนกลุ่มเฉพาะ


มากกว่าแว่นตา คืออนาคตที่สดใส thaihealth


"แม้ปัญหาด้านสายตาจะเป็นปัญหาจุดเล็กๆ แต่อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ในอนาคต เนื่องจากความบกพร่องทางสายตาส่งผลต่อการเรียนรู้ การมองกระดานหน้าชั้นเรียน พัฒนาการทางการศึกษา และพัฒนาการทางปัญญาของเด็ก"


ด้าน นายธานินทร์ โชคชัยเจริญพร ผู้รับผิดชอบโครงการ มูลนิธิฟอร์เวิร์ด เล่าว่า พื้นที่ต้นแบบ รร.ชุมชนบ้านพบพระ มีนักเรียนทั้ง หมด 1,412 คน ในจำนวนนี้มีการสำรวจเบื้องต้นพบว่า นักเรียนช่วงชั้น ป.1-ม.3 มีปัญหาสายตาสั้นจำนวน 65 คน แต่กลับพบว่านักเรียนมีแว่นตาอยู่เพียง 11 คนเท่านั้น เมื่อมูลนิธิฯ เข้ามาทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระหว่างผู้ให้และผู้รับ ภายใต้แนวคิด "สร้างผู้ให้ เติมเต็มฝันผู้รับ เพื่อส่งต่อการให้ที่ไม่รู้จบ" ด้วยการให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากร ทำโครงการนำร่องจากพื้นที่นี้เป็นที่แรกเพื่อเอาประเด็นปัญหากลับไปแก้ไขปัญหาอื่นที่กระจายตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ


มากกว่าแว่นตา คืออนาคตที่สดใส thaihealth


น.ส.ธิดารัตน์ แก้วกลม ครูประจำชั้น ป.3/1 รร.ชุมชนบ้านพบพระ เล่าว่า โรงเรียนได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ รพ.พบพระ ที่เข้ามาช่วยให้ความรู้ในการตรวจวัดสายตา จากการตรวจคัดกรองสายตาครั้งแรกพบเด็กมีปัญหาด้านสายตาจำนวน 62 คน แต่จากการคัดกรองวันนี้เพิ่มขึ้นกว่า 100 คน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่มีอาการสายตาสั้นและสายตาเอียง นอกจากนี้ยังพบปัญหาอื่น ๆ เช่น ตาเหล่ ไม่มีเลนส์ตา ซึ่งครูจะประสานกับเจ้าหน้าที่เพื่อส่งต่อเพื่อรับการรักษาต่อไป ทั้งนี้เด็กนักเรียนที่มีปัญหาด้านสายตามีทั้งเด็กสัญชาติไทยและต่างสัญชาติ ที่ผู้ปกครองของนักเรียนส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมจึงมีรายได้ไม่มากนัก


มากกว่าแว่นตา คืออนาคตที่สดใส thaihealth


"ในอำเภอพบพระ ไม่มีร้านตัดแว่น ทำให้ต้องเข้าไปตัดที่ อ.แม่สอด ที่มีระยะทางไกลออกไปและการตัดแว่นสายตาแต่ละครั้งใช้เงินไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท ในส่วนของผู้ปกครองที่ยังไม่พร้อมดำเนินการบางท่านได้แจ้งให้ครูทราบว่าบุตรหลานมีปัญหาด้านสายตา ครูก็จะย้ายให้มานั่งหน้าชั้นเรียนเพื่อให้มองตัวอักษรบนกระดานได้ชัดขึ้น"


ตัวแทนนักเรียนที่ได้รับมอบแว่นสายตา อย่าง ด.ญ.นันทพร ดงแศนสุข ชั้น ป.6/4 เล่าว่า ตนมีปัญหาสายตาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.4 คิดว่าสาเหตุที่ทำให้สายตาสั้นเกิดจากพฤติกรรมติดจอ ดูโทรทัศน์ รวมถึงใช้สายตาในที่มืดที่แสงสว่างไม่เพียงพอ ตอนที่ยังไม่ได้ใส่แว่นจะมองลำบาก ไม่ว่าจะมองอะไรภาพที่เห็นก็จะเบลอ มองไม่ชัด เวลาเรียนจึงต้องนั่งแถวหน้าชั้นเรียนอยู่ตลอด หรือแม้กระทั่งอยู่ที่บ้านพ่อเดินมาเรียก จุดที่พ่อยืนไม่กี่เมตรตนก็มองเห็นหน้าพ่อไม่ชัด ด้วยความที่ตอนนั้นตนยังไม่ได้ใส่แว่นตาทำให้ตอนนี้ค่าสายตาสั้นเพิ่มขึ้น เป็นค่าสายตาสั้นข้างละ 450 และ 400 ร่วมกับปัญหาสายตาเอียง พอได้ใส่แว่นก็ทำให้มองเห็นชัดเจน


กิจกรรมมอบแว่นตาวันนี้ไม่ใช่การสิ้นสุดของโครงการแต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ