มอบความรัก ด้วย”เมนูดอกไม้”
การนึกถึงดอกไม้ให้เกี่ยวข้องคู่ขนานไปกับความรักไม่จำเป็นเฉพาะเมื่อถึงวันวาเลนไทน์สังคมไทยมีสื่อรักด้วยดอกไม้มากมายหลายโอกาสวันที่เป็นวันบุญทั้งหลายในพระพุทธศาสนาก็ล้วนมีสื่อนำด้วยดอกไม่อันงามสะพรั่งอย่างดอกบัว แล้วที่ลืมนึกกันไปก็คือดอกไม้กับอาหารคาวหวาน มีดอกไม้เป็นสื่อสำคัญที่จะนำพาไปสู่สุนทรียรสที่สร้างความสุขสงบเบิกบานใจให้ทุกคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อไม่นานมานี้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรม"Healthy Living :เมนูดอกไม้" นำเสนอวิธีการทำเมนูดอกไม้อย่าง"ขนมช่อม่วง"และแนะนำคุณค่าทางโภชนาการและนานาคุณประโยชน์ของดอกไม้
อ.ชินริณี วีระวุฒิวงศ์ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เล่าว่า ดอกไม้กับมนุษย์มีความเกี่ยวเนื่องกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่อดีต ในสังคมไทยดอกไม้มีอิทธิพลต่อความเป็นอยู่มากทั้งในด้านศาสนา พิธีการ และการสักการบูชา รวมถึงการประดับตกแต่งสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่ โดยเฉพาะกลิ่นหอมในดอกไม้แต่ละชนิดนั้นมีสรรพคุณด้านบำบัดรักษาที่แตกต่างกันไป ซึ่งมีผลต่อระบบการทำงานของร่างกายและสมอง รวมถึงจิตใจและอารมณ์ของผู้ใช้บำบัด เช่น โรสแมรี มีกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสดชื่น ส่วนดอกคาโมมายล์ ลาเวนเดอร์ เจอเรเนียม ให้กลิ่นที่ทำให้ผ่อนคลาย ซึ่งคนไทยเรียนรู้และนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยมาตั้งแต่สมัยโบราณ
"นอกจากความสวยงามและกลิ่นที่หอมสดชื่นแล้ว ดอกไม้บางชนิดสามารถนำมาดัดแปลงทำเป็นอาหารได้ทั้งอาหารคาวและหวาน ถือเป็นสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ได้ดีอีกด้วยเช่นดอกมะลิลดผดผื่นคัน แก้พิษแมลงกัดต่อยดอกอัญชันบำรุงเส้นผมบำรุงสายตา ดอกเก๊กฮวยแก้ร้อนใน ระบบขับถ่ายดอกแก้วแก้ไอ แก้ไข้ แก้วิงเวียนศีรษะ และดอกชบาบำรุงเส้นผม หนังศีรษะ เป็นต้น"อ.ชินริณี ขยายความ
อาหารหวานที่ทำจากดอกไม้อย่าง'ขนมช่อม่วง'ที่เป็นขนมไทยโบราณ เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยคุ้นหูและรูปลักษณ์นอกจากรสชาติอันละมุนลิ้นแล้ว ยังสื่อให้สัมผัสความประณีตอ่อนช้อยตามแบบฉบับชาววัง เพราะมีการประดิดประดอยที่เรียกว่า การใส่ศิลปะเข้าลงไปในอาหาร เช่น การทำกลีบขนมสีขนมเป็นม่วงครามก็มาจากดอกอัญชัน
ประดิดประดอยตั้งแต่การเตรียมส่วนผสมแป้งข้าวเจ้าแป้งข้าวเหนียว และแป้งมันผสมน้ำสะอาดที่มักนิยมลอยด้วยดอกมะลิ นำดอกอัญชันมาผสมน้ำมะนาวเพื่อสร้างสีสันกลายเป็นที่มาของชื่อ
องค์ประกอบต่อไปก็คือไส้ขนมที่เพิ่มรสหวานหอม นี่ว่ากันอย่างสรุป
"วิธีทำไส้นั้นไม่ยาก ผสมมันหมู ฟักแช่อิ่มถั่วลิสง น้ำตาล และเกลือเข้าด้วยกัน จากนั้นนำส่วนผสมใส่กระทะตั้งไฟอ่อน ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วใส่งาขาวคั่วลงไป" อ.ชินริณี บอก
แล้วขยายความต่ออีกว่าขั้นตอนสุดท้ายคือการนึ่งขนม คือต้องฉีกใบตองรองขนมเป็นริ้วๆ วางบนลังถึง เอาขนมวางบนใบตอง นึ่งประมาณ10นาที พอสุกแล้วพรมด้วยหัวกะทิขาวข้น
อ.ชินริณี ย้ำว่า การปรุงอาหารด้วยดอกไม้จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับลักษณะของดอกไม้เลือกวิธีการปรุงที่เหมาะสมของดอกไม้แต่ละชนิดและแยกเอาเกสรออกก่อน เพื่อป้องกันการแพ้เรณู หรือเกสรดอกไม้ ซึ่งหากรับประทานอาหารแล้วเกิดอาการแพ้ ควรหยุดรับประทานทันที
ด้านนายนิติพล ยังวารีและนางสาวพรภัทรา ฉลองรัตน์คู่รักผู้เข้าร่วมกิจกรรม กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมกิจกรรมว่า การชวนให้คู่รักมาทำกิจกรรมร่วมกันแบบนี้เป็นสิ่งที่ดีมากถือเป็นการสร้างเสริมความรู้ใหม่ๆ ทำให้ได้เจอเพื่อนใหม่ และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันอีกด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วการทำสิ่งดีๆร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องทำแค่ในวันแห่งความรักแต่เราสามารถทำสิ่งดีๆ ร่วมกันได้เสมอทุกวันส่วนตัวเองชอบทำอาหารอยู่แล้ว เมื่อได้ทราบข่าวจากทางหน้าเว็บไซต์ สสส. จึงได้ชวนกันมาร่วมเวิร์กช็อปในครั้งนี้
มีกิจกรรมดีๆ ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะสสส. พร้อมให้ผู้สนใจเข้าไปร่วมกิจกรรมอย่างเรื่องดอกไม้สื่อนำความรักให้ครอบครัวให้กันและกันได้ทุกวันด้วยเมนูอาหารจนนำพาความสุขสู่กายใจได้จริงๆ สามารถติดตามได้ที่www.thaihealthcenter.orgหรือโทร.08-1731-8270
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ