มนุษย์เงินเดือน เครียดหนักหวั่นอาจฆ่าตัวตายได้

ผลจากการเมือง เศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น

มนุษย์เงินเดือน เครียดหนักหวั่นอาจฆ่าตัวตายได้ 

          จิตแพทย์ออกโรงเตือนประชาชนให้มีสติ รู้จักยับยั้งอารมณ์ ท่ามกลางภาวะสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูงขึ้น เกรงจะเกิดความเครียด วิตกกังวล และซึมเศร้า เผยเหล่ามนุษย์เงินเดือน เฮโลพบจิตแพทย์สาเหตุหลักเครียด หมอเตือนพ่อแม่เครียดมีผลกระทบเด็ก

 

          นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลมนารมย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสุขภาพจิตของคนไทยทุกระดับ มีระดับความเครียดสูงมาก โดยมีปัจจัยมาจากการปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ตลอดจนการแข่งขันทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน อีกทั้ง ศาสนา ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเริ่มอ่อนแอลงไป ทำให้เกิดความกดดันในการดำเนินชีวิตสูงมาก มีองค์กรบริษัทหลายแห่งติดต่อโรงพยาบาลฯ ให้ส่งเจ้าหน้าที่และจิตแพทย์เข้าไปให้คำแนะนำปรึกษาเกี่ยวกับจิตเวช เนื่องจากพนักงานในองค์กรมีความเครียดสูง ทำให้เกิดปัญหาต่อคุณภาพงาน

 

          “แรงกดดันต่อผู้คนในการใช้ชีวิตส่วนที่แรงที่สุดก็คือเรื่องของปัญหาทางด้านการเงินในครอบครัว ที่เป็นผลลัพธ์มาจากปัญหาเศรษฐกิจ เช่น ค่าครองชีพต่ำ น้ำมันแพง พอมีปัญหาทางด้านการเงินแล้วสิ่งที่ตามมาก็คือ ความเครียดในครอบครัว ถ้าครอบครัวไม่แข็งแรง ไม่มีความเข้าใจกัน ใกล้ชิดกัน ผลกระทบต่อสมาชิกในครอบครัวย่อมเกิดได้ง่ายและรุนแรง คนที่มีพื้นฐานสุขภาพจิต ไม่แข็งแรง ก็จะเกิดความเครียดและเกิดการเจ็บป่วยทางจิตใจที่รุนแรงได้ เช่น อาการวิตกกังวล ซึมเศร้า นอนไม่หลับ การใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่นและต่อตนเอง รวมทั้งปัญหาการฆ่าตัวตาย หรือบางรายอาจจะหลุดจากความเป็นจริง เช่น มีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน หวาดระแวง เกิดปัญหาการติดเหล้า ยานอนหลับ หรือแม้กระทั่งยาเสพติด ซึ่งจะเป็นเหตุนำไปสู่ปัญหาที่ยุ่งยากและซับซ้อนมากกว่าที่ควรจะเป็น”

 

          นพ.ไกรสิทธิ์ ได้แนะนำ 3 ขั้นตอนเพื่อรับมือกับความเครียดที่รุมเร้าชีวิตของแต่ละคน ได้แก่ อันดับแรกคือ ต้องตั้งหลัก มีความเชื่อมั่นว่าทุกปัญหามีทางออก เพื่อให้ตัวเองมีความหวังไม่หมดกำลังใจข้อนี้สำคัญที่สุด ส่วนจะแก้ไขและหาทางออกได้ช้าหรือเร็วนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ข้อสอง คือ การดำเนินชีวิตโดยใช้หลัก เศรษฐกิจพอเพียง กินใช้ตามกำลังของแต่ละคน ก่อหนี้ให้น้อยที่สุด ข้อสาม คือ มองการเปลี่ยนแปลงของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นเรื่องธรรมชาติ ปกติ ธรรมดา สิ่งที่ทุกคนต้องกระทำ คือต้องพยายามปรับตัวและวิธีการดำเนินชีวิตให้เข้ากับสถานการณ์แต่ละช่วงให้ได้

 

          “เพื่อเป็นการรับมือได้ดียิ่งขึ้น ทุกคนควรจะทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ฝึกสมาธิ ช่วยให้อารมณ์ลบไม่ขังสะสม ทำให้ถึงจุดเดือดได้ยาก แต่ถ้าหากสะสมไว้มาก ๆ พอมีอะไรมาสะกิดนิดเดียวก็อาจจะถึงจุดเดือดและระเบิดได้ง่าย ใช้เวลาหาความรู้เกี่ยวกับศาสนาหรือจิตวิทยา เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนและขยายมุมมองของชีวิตให้กว้าง เพราะคนที่มีมุมมองกว้างเวลาเผชิญกับปัญหา ก็จะมองเห็นทางออกหรือทางเลือกได้มากกว่า แล้วโอกาสที่จะรู้สึกว่าทางตันและหมดหนทางจะน้อยลง”

 

          นอกจากนี้ ยังมีประชากรอีกลุ่มที่น่าเป็นห่วย คือ เด็กและเยาวชน ที่อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากความเครียดของพ่อแม่ เพราะถ้าหากว่าพ่อแม่มีภาวะความเครียดสูง ทำให้ความเครียดลงไปสู่เด็ก ๆ ได้ หรือแม้แต่โอกาสที่ครอบครัวจะอยู่ใกล้ชิดกันนั้นก็มีน้อยลง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูงแต่รายได้ต่ำ ทำให้พ่อแม่เครียดวุ่นอยู่กับงานจนไม่มีเวลาดูแลลูก ขณะที่ปัจจุบัน สิ่งยั่วยุไปทางเสียในสังคมมีมาก ทำให้โอกาสที่เด็กจะไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดีก็เป็นไปได้สูง เช่น ติดเกมส์ ชอบเที่ยวเตร่ และติดยาเสพติด หรือบางกรณีอาจเกิดอาการว้าเหว่ ซึมเศร้า รวมไปถึงปัญหาการ ฆ่าตัวตาย

 

          “ทางที่ดีแต่ละคนต้องดูแลตัวเองให้ดี และดูแลคนรอบข้าง ครอบครัว ให้ตระหนักในการฝึกสติเพื่อช่วยในการควบคุมอารมณ์ เพราะโอกาสที่จะเกิดปัญหาจากความหุนหันพลันแล่นกับคนในครอบครัวก็จะน้อยลง” นพ.ไกรสิทธิ์ กล่าวในที่สุด

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

 

 

update 09-06-51

 

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code