ภาวะหัวใจล้มเหลว

ที่มา : กรมการแพทย์


ภาวะหัวใจล้มเหลว thaihealth


แฟ้มภาพ


กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอกแนะ ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว หากพบมีอาการหายใจลำบากอ่อนเพลีย อาการบวมตามอวัยวะต่างๆ อย่าละเลย ควรรีบมาพบแพทย์หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดภาวะหัวใจ ล้มเหลวและเสียชีวิตได้


นายแพทย์สมศักดิ์  อรรฆศิลป์  อธิบดีกรมการแพทย์   เปิดเผยว่า ภาวะหัวใจล้มเหลวเป็นกลุ่มอาการการทำงานของหัวใจที่เกิดความผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ของหัวใจ ส่งผลให้หัวใจไม่สามารถ สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายและรับเลือดกลับเข้าหัวใจได้ตามปกติปัจจัยเสี่ยงสาคัญของภาวะหัวใจล้มเหลวเกิดจากความผิดปกติของ โรคเยื่อหุ้มหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคความดันโลหิตสูง โรคลิ้นหัวใจรูมาติก กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน รวมทั้งความผิดปกติ จากการติดเชื้อไวรัสโลหิตจางขั้นรุนแรงและภาวะไทรอยด์เป็นพิษอาการและสัญญาณเตือนของโรคผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบาก ในขณะที่ออกแรงขณะนอนราบ อาการอ่อนเพลียทำให้ความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวัน และการออกกำลังกายลดลง อาการบวมตามอวัยวะต่าง จากภาวะคั่งน้ำและเกลือ เช่น เท้าบวม ท้องบวม มีน้ำคั่งในปอดและอวัยวะภายในซึ่งเมื่อภาวะเหล่านี้ผู้ป่วยต้องรีบเดินทางมาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย หาแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้อาการแย่ลงเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้


นายแพทย์เอนก  กนกศิลป์  ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก  กรมการแพทย์  กล่าวว่า แนวทางการวินิจฉัยของโรค ภาวะหัวใจล้มเหลวแพทย์จะซักประวัติจร่างกาย ประเมินภาวะสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกายและทำการตรวจ ห้องปฏิบัติการต่างๆ  เช่น ตรวจเลือดและปัสสาวะ x-ray ทรวงอก ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจตรวจUltrasoundหัวใจ หากพบว่ามีอาการเข้าได้กับภาวะหัวใจล้มเหลว แพทย์จะรีบทำการรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้องอย่างรวดเร็วที่สุด สำหรับแนวทางการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวสามารถรักษาได้ด้วยการให้ยาการควบคุมปัจจัยเสี่ยง การใช้เครื่องกระตุกหัวใจ อัตโนมัติ/เครื่องกระตุกหัวใจแบบถาวร การผ่าตัดใส่เครื่องช่วยการสูบฉีดเลือดของหัวใจ การผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ/ การผ่าตัดลิ้นหัวใจรั่ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและการวินิจฉัยของอายุรแพทย์หัวใจ นอกจากนี้ผู้ป่วยต้องรู้จักดูแล สุขภาพตนเองในภาวะหัวใจล้มเหลว ดังนี้ ควรชังน่้าหนักก่อนทานอาหารเช้าทุกวันหรือภายหลังเข้าห้องน้าขับถ่ายช่วงเช้า หากพบว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้น 1-1.5 กก. ภายใน 1 – 2 วันให้รีบมาพบแพทย์ หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม ควบคุม การรับประทานเกลือโซเดียม จำกัดปริมาณการดื่มนั้าตามแผนการรักษาของแพทย์หลีกเลี่ยงการเดินทางไกลคนเดียว ไม่เครียด งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรหักโหมจนเกินไป ตามคำแนะนำแพทย์ เช่น การเดินราบ หากมีอาการหอบเหนื่อยควรหยุดพักทันที และต้องรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งควรมาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง


 

Shares:
QR Code :
QR Code