ภัยแฝงอินเทอร์เน็ต
ทำเด็กง่วงเหงาหาวนอนเหตุติดเกม
หากพูดถึงอินเทอร์เน็ตนั้นให้คุณมหาศาล แต่ก็ให้โทษไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเด็กที่รู้ไม่เท่าทันอาจเสียคนก็เป็นได้ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องลงมาเอาใจใส่ เรียนรู้ควบคู่กันไปเพื่อให้คำแนะนำแก่เยาวชนอย่างถูกวิธี ก็จะสามารถเลือกประโยชน์มากมายจากสื่อชนิดนี้
“ศรีดา ตันทะอธิพานิช” ผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวว่า มูลนิธิดังกล่าวก่อตั้งปี 2546 เกิดจากคนที่ผลักดันระบบอินเทอร์เน็ตให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
เมื่อระบบดังกล่าวเกิดขึ้นมาแล้วได้ตอบสนองความต้องการของประชาชนสูง เน้นไปที่ธุรกิจและบันเทิง ดังนั้นผู้ก่อตั้งมูลนิธิจะมีแนวคิดจะส่งเสริมระบบอินเทอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์แก่ภาคสังคมไปควบคู่กัน
“ในช่วงแรกจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน ขณะเดียวกันให้ความรู้ในพิษภัยต่างๆ จากระบบอินเทอร์เน็ต เพราะยังเป็นของใหม่ในบ้านเรายังไม่ตระหนักรู้ โดยเฉพาะจากต่างประเทศที่ประสบมา มีการใช้งานในด้านลบ เช่น เว็บไซต์ลามก และการล่อลวงเด็กต่างๆ” ผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยบอก และว่า สำหรับภารกิจหลักคือ การให้ความรู้ว่าอินเทอร์เน็ตนำไปใช้ประโยชน์ในด้านไหนบ้าง อาทิ ติดต่อ สื่อสาร ทำการค้า ระดมความช่วยเหลือต่างๆ ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ สร้างเครือข่ายในการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนนัดหมายเจอกันได้ โดยเน้นไปที่เด็กๆ
ขณะเดียวกันเราให้ความรู้แก่พ่อแม่ที่ไม่รู้เรื่องอินเทอร์เน็ต เพื่อสามารถให้คำแนะนำอะไรได้บ้าง จะดูแลลูกในยุคนี้ได้ถูกต้อง ยังมีการอบรมสอนอินเทอร์เน็ตแก่พ่อแม่ จะมีระบบเครือข่ายผู้ปกครองออนไลน์ให้ความรู้ต่างๆ จะได้สามารถคุยภาษาเดียวกับลูกได้ นอกจากนี้ยังมีการอบรมทั้งครอบครัวในระบบดังกล่าวอีกด้วย รวมทั้งสืบค้นข้อมูลต่างๆ และมีการจัดค่ายในช่วงปิดเทอม เช่น ครอบครัวสร้างเกม ที่สร้างความสัมพันธ์ของครอบครัวได้
“การให้ความรู้จะออกมาเป็นรูปเอกสาร แผ่นพับ ข่าว การให้ความรู้ เช่น งานสัมมนาในประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคมช่วงนั้น โดยเฉพาะเด็กติดเกมและถูกล่อลวง เลียนแบบในเรื่องความรุนแรง โดยจะเชิญคุณพ่อ คุณแม่ เด็ก สอบถามปัญหาอยู่ที่ไหน พ่อแม่มีบทบาทอย่างไร” ศรีดาบอก และว่า ระบบอินเทอร์เน็ตยังช่วยสร้างสรรค์สังคม เช่น เว็บไซต์การรับบริจาคสิ่งของออนไลน์
ในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา เราจะทำประชาสัมพันธ์ระดมเงินช่วยเหลือข้าวของ อาสาสมัครต่างๆ มาร่วมกันและนัดไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ออนไลน์ที่รับแจ้งเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม เพราะบ้างครั้งประชาชนไปพบภาพไม่เหมาะสม เช่น เด็กถูกตัดต่อภาพ การมีเพศสัมพันธ์ ความรุนแรง
บางครั้งแจ้งตำรวจและกระทรวงไอซีที ทั้งนี้ กระบวนการของ 2 หน่วยงานดังกล่าวล่าช้า แต่หากประชาชนคลิกเข้ามาแจ้งที่เรา มูลนิธิจะประสานกับเจ้าของเว็บไซต์ดังกล่าวเพื่อลบคลิปและสิ่งไม่เหมาะสม พร้อมแจ้งไปที่ 2 หน่วยงานข้างตนเพื่อดำเนินติดตามเรื่องต่อไปจนกว่ากระบวนการเหล่านั้นจะหมดไป พร้อมทั้งหากประชาชนต้องการจะแจ้งความดำเนินคดี เราก็อำนวยความสะดวกให้คำแนะนำให้
ผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยกล่าวว่า สำหรับปัญหาของเด็กและครอบครัวจากภันอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่คือเด็กเล่นเกม โดยใช้เวลามากเกินไป ทำให้ผลการเรียนมีปัญหา เกรดตก ไม่อยากไปโรงเรียน “ง่วง เหงา หาว นอน” หรือเด็กทะเลาะกันระหว่างเพื่อนๆ ในโรงเรียน มีการด่ากันในเฟซบุ๊กและไฮไฟว์ เดิมจะอยู่ในหมู่เพื่อน แต่หลังจากนั้นเรื่องดังกล่าวจะขยายใหญ่ในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว
โดยเรื่องส่วนตัวเล็กๆ กลายเป็นพันเป็นหมื่นคนได้รับรู้ บ้างครั้งได้พบกับกรณีพ่อแม่ต่างๆ ไม่ยอมกัน มาฟ้องร้อง เอาเรื่องจะแจ้งความ มาขอให้เราดูแลข้อมูลด้านกฎหมาย
“ที่พบคือเด็กใส่รูปใส่เบอร์โทรศัพท์และนัดพบกัน คุณพ่อแม่เป็นห่วงมาก เด็กอาจจะไม่กลัวอันตราย แต่บ้างครั้งเป็นผลด้านลบออกมามากมาย และการถูกล่อลวงจากผู้ใหญ่ บ้างครั้งผู้ปกครองคุมไม่ได้ เด็กไม่เชื่อ ทำให้เกิดปัญหาสังคมมากมาย” ผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยกล่าว และว่า ปัญหาสื่อลามกก็มาก มีข้อมูลรับแจ้งเว็บไซต์ไม่เหมาะสมเข้ามาทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นเว็บไซต์เดิมๆ ตามความเป็นจริงหากพบผิดกฎหมายต้องจับ แต่ข้อเท็จจริง กระบวนการดำเนินการทางกฎหมายล่าช้า ไม่สามารถจัดการได้
นอกจากนี้ เซฟเวอร์แต่ก่อนอยู่ในประเทศไทย แต่ได้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศหมดแล้ว ทำให้เกิดการป้องกัน ดูแล และจับกุมได้ยากขึ้น หรือเจ้าของก็ไม่มีที่อยู่ปรากฏให้เห็น หรือจับได้แล้วและสั่งปิด แต่พวกก็ไปเปิดในชื่ออื่นๆ ใกล้เคียงกันไปเรื่อยๆ ซึ่งสมาชิกต่างๆ ก็จะรู้กัน
“การแก้ไขที่ผ่านมา เช่น การปิดเว็บไซต์จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โดยเราต้องการผลักดันคือ การดูแลเอาใจใส่เด็กๆ รวมทั้งต้องใช้มาตรการสังคม รุมประณามคนโพสต์คลิปไม่ดี” “คลิปส่วนตัวทุกคนจะต้องช่วยเหลือ ทั้งผู้ปกครองและประชาชนทั่วไปด้วย หรือหากเด็กคนไหนเป็นมากอาจจะไปคุยกับจิตแพทย์ ซึ่งเขาอาจจะคุยกับเด็กได้ดีกว่าพ่อแม่ และที่สำคัญเด็กจะเชื่อหมอมากกว่า” ศรีดากล่าว และว่า ปัญหาของมูลนิธิคืองบประมาณที่เข้ามาน้อย เพราะการทำมูลนิธิเพื่อสังคมเงินเดือนไม่มาก ไม่มีรายได้ เพราะส่วนใหญ่ได้จากการบริจาค
มูลนิธิด้านไอทีอย่างเราไม่มีการเลี้ยงเด็กให้ทุน เลี้ยงอาหารกลางวัน ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยได้รับการเหลียวแล อีกทั้งทำให้พบปัญหาด้านกำลังคนด้วยในการรับผิดชอบงานที่มีมาก สิ่งที่เราทำคือหาผู้สนับสนุนเป็นหน่วยงานทางด้านไอทีที่มีนโยบายช่วยเหลือสังคม แต่ทำไม่ไหว โดยเราเป็นกำลังหนุน และในประเทศไทยก็มีมูลนิธิลักษณะนี้จำนวนน้อยมาก
“ขณะที่กระทรวงไอซีที กระทรวงศึกษาฯ ก็ไม่เคยสนับสนุนงบประมาณเราเลย ตอนนี้ที่ให้เราอยู่คือภาคเอกชน คือ บริษัท อินเตอร์เน็ตไทยแลนด์ และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. โดยเฉพาะการให้งบประมาณส่งเสริมในการพัฒนาความรู้ต่างๆ โดยเฉพาะสุขภาวะในโลกอินเทอร์เน็ตในการป้องกันเด็กติดเกม หลักสูตรชีวิตออนไลน์” ผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยระบุ
ภัยร้ายอินเทอร์เน็ต
สิ่งที่อยากชี้ให้เห็นถึงรายละเอียดที่คุณ ผู้ปกครอง บุตรหลานทั้งหลายของท่านควรระวัง หรือป้องกันไว้เพื่อจะไม่ให้มีการสูญเสียเกิดขึ้น ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงการพบคนแปลกหน้าทางอินเทอร์เน็ต
2. หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวเช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์มือถือจริงบนเว็บไซต์ที่ไม่ได้มาตรฐาน (เว็บไซต์ที่ดีจะมีตัวช่วยในการปกปิดข้อมูลเหล่านี้ได้)
3. อย่าปล่อยให้บุตรหลานของท่านอยู่บนโลกของเกมออนไลน์มากจนเกินไป
3.1 เกมสมัยนี้มีทั้งเรื่องเพศที่แฝงมากับสื่อ
3.2 เกมมีความทารุณโหดเหี้ยมซึ่งไม่เหมาะสมกับเด็ก
4. ควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้บุตรหลานของคุณใช้เน็ตในที่ลับตาคน
5. ควรหลีกเลี่ยงในการโพสต์ด่าด้วยข้อความหยาบคาย เขียนข้อความที่ลบหลู่ในเรื่องของบุคคล ชาติ ศาสนา หรือพระมหากษัตริย์ หรือส่งต่ออีเมล์ที่มีเนื้อหาข้อความดังกล่าวข้างต้นไปยังผู้อื่นโดยขาดสำนึกและรับผิดชอบ
6. หลีกเลี่ยงการใช้งานซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์
7. หลีกเลี่ยงการเปิดเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม เช่น เว็บโป๊ เว็บที่มีภาพยั่วยวนทางเพศ เว็บไซต์ที่มีการดาวโหลดซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ เว็บไซต์ที่สอนการโจรกรรมข้อมูล ฯลฯ
8. ระวังอย่าหลงเชื่อคำโฆษณา หลวงลวง ต้มตุ๋น จากการซื้อขายสินค้าผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต
9. อย่าหลงเชื่อจดหมายลูกโซ่ จดหมายเวียน หรือโฆษณาชวน
10. อย่าเปิดอ่านอีเมล์หรือรับไฟล์จากคนที่คุณไม่รู้จัก
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
Update : 29-11-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : กิตติภานันทร์ ลีจันทึก