ภัยร้าย `เหล้ามือสอง`

ที่มา : เว็บไซต์ไทยโพสต์ 


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


ภัยร้าย `เหล้ามือสอง` thaihealth


เผยผลวิจัยพบคนไทย 80% หรือราว 56 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งที่ไม่ได้ดื่ม ขณะที่มีนักดื่มตัวจริง 33% หรือนักดื่ม 1 คนส่งผลกระทบต่อผู้อื่น 2.4 คน จี้ให้สังคมตระหนักปัญหา


ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) จัดแถลงข่าว "เหล้ามือสอง : ผลกระทบของการดื่มแอลกอฮอล์ในยุคโลกเสรีและสังคมไทย" ภายใต้ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกและ สสส. โดย ดร.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า ประเทศไทยยังขาดความรู้เรื่องผลกระทบของเหล้ามือสอง จึงต้องกระตุ้นทุกภาคส่วนและสังคมไทยให้เห็นความสำคัญของความรุนแรงของเหล้ามือสอง เรื่องผลกระทบต่างๆ รัฐจะต้องให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัยและนำมาบอกให้ประชาชนได้รู้ และให้สังคมตระหนักถึงพิษภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


ภัยร้าย `เหล้ามือสอง` thaihealth


ด้าน ภญ.อรทัย วลีวงศ์ นักวิจัยสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ เปิดเผยผลสำรวจสถานการณ์ภัยเหล้ามือสองต่อสังคมไทย โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,695 คน ในจังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี ชลบุรี และกรุงเทพฯ พบว่า คนไทยร้อยละ 79 เคยได้รับผลกระทบจากการดื่มของคนอื่น หรือภัยเหล้ามือสอง โดยร้อยละ 76.8 ได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจและความรู้สึกไม่ปลอดภัย เช่น รู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ เพราะการดื่มของคนแปลกหน้า รู้สึกหวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญกับคนแปลกหน้าที่ดื่มตามถนน หรือสถานที่สาธารณะต่างๆ ถูกรบกวนหรือคุกคามโดยคนที่ดื่มหรือเมา เป็นต้น ร้อยละ 42 ได้รับผลกระทบทางสังคมและการดำเนินชีวิต เช่น คนในครอบครัวหรือเพื่อนไม่ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายเพราะการเมา มีปัญหากับเพื่อนหรือเพื่อนบ้านจากการดื่มของเขา มีปัญหาครอบครัว ชีวิตสมรส จากการดื่มของคนอื่น เป็นต้น ร้อยละ 22.6 ได้รับผลกระทบทางการเงินและการสูญเสียทางเศรษฐกิจ เช่น บ้าน รถ ได้รับความเสียหายจากการดื่มของคนอื่น ถูกคนดื่มทำลายข้าวของในบ้าน หรือถูกขโมย เป็นต้น และร้อยละ 6.2 ได้รับผลกระทบทางร่างกายหรือเพศ แม้จะมีสัดส่วนที่น้อย แต่ผลกระทบรุนแรงมากที่สุด เช่น ถูกคนดื่มผลัก ทำร้ายร่างกาย หรือถูกข่มขืน กดขี่ทางเพศจากคนในครอบครัวหรือเพื่อน


นอกจากนี้ยังพบว่า เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ยังได้รับผลกระทบจากเหล้ามือสองถึงร้อยละ 24.6 เช่น ถูกดุด่าอย่างรุนแรง ถูกทอดทิ้งในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ถูกตีทำร้ายร่างกาย เคยอยู่ในเหตุการณ์ความรุนแรงของครอบครัว เป็นต้น ซึ่งความรุนแรงเหล่านี้ส่งผลเสียต่อทั้งสุขภาพกายและใจ คุณภาพชีวิตและพัฒนาการของเด็ก ตลอดจนผลต่อการมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่างๆ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ด้วย โดยการมีคนดื่มหนักในครอบครัวเพิ่มโอกาสที่เด็กจะได้รับผลกระทบจากแอลกอฮอล์ 3.3 เท่า ซึ่งมักจะได้รับผลกระทบจากการดื่มของพ่อแม่มากที่สุด 5.7% คนแปลกหน้า หรือคนในชุมชน 5.7% ญาติพี่น้อง 3.5% และเพื่อน 1.4% จะเห็นได้ว่าผลกระทบจากการดื่มเกิดขึ้นได้หลากหลายเป็นวงกว้างและรอบด้าน 360 องศา สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่อยู่ซ่อนอยู่ในรั้วบ้าน กลุ่มเพื่อน ที่ทำงาน หรือในชุมชน จนถึงความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในสังคม


ภัยร้าย `เหล้ามือสอง` thaihealth


ภญ.อรทัยกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากการศึกษาในภาพรวมพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์เพียง 1 คน ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างเฉลี่ย 2.4 คน ซึ่งประเทศไทยมีนักดื่ม 33% ของประชากร ดังนั้นจะส่งผลกระทบต่อผู้คนรอบข้างมากถึงเกือบ 56 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของคนไทย และผู้ได้รับผลกระทบจะมีการจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเฉลี่ยคนละ 8,500 บาทต่อปี ทั้งนี้ เรื่องควันบุหรี่มือสองยังมีการออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ เรื่องภัยเหล้ามือสองก็ควรมีมาตรการ โดยจำเป็นต้องสร้างความตระหนักในเรื่องนี้แก่สังคมมากขึ้น และมีมาตรการป้องกัน ลดจำนวน และความรุนแรงของปัญหาที่เกิดต่อทั้งตัวผู้ดื่มและผู้อื่น ไม่ใช่แค่การจัดการรายเหตุการณ์ปัญหา เช่น การกำหนดบทลงโทษต่อผู้ดื่มที่กระทำผิด


นายแด็ก เรคเว นักวิชาการอาวุโส ฝ่ายการจัดการปัญหายาเสพติด องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า จากการศึกษางานวิจัยการขับเคลื่อนการควบคุมแอลกอฮอล์ โดยขณะนี้ทั่วโลกมีนักดื่มประมาณ 38% คนที่ไม่ดื่ม 62% ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ในโลก เพราะองค์การอนามัยโลกมียุทธศาสตร์ว่าด้วยการลดปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเน้นการปกป้องสิทธิและสุขภาพของผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งปัญหาสุขภาพ การบาดเจ็บ หรือถูกละเมิดสิทธิ์ต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อผู้อื่นเป็น 1 ใน 4 หัวข้อสำคัญที่องค์การอนามัยโลกเร่งให้ทำการศึกษาเพื่อนำไปพัฒนาการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มีประสิทธิภาพ


ศ.โรบิน รูม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนโยบายแอลกอฮอล์ มหาวิทยาลัยลาโทรบ ประเทศออสเตรเลีย นักวิจัยอาวุโสระดับโลกในด้านปัญหาและนโยบายแอลกอฮอล์ กล่าวว่า การวิจัยเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ที่ผ่านมาจะเน้นผลกระทบโดยตรงที่เกิดกับตัวผู้ดื่ม แต่ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากในทุกประเทศมีผู้ที่ไม่ดื่มได้รับผลกระทบ จึงมีกลุ่มนักวิจัยกว่า 30 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการศึกษาผลกระทบของผู้ดื่มต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนในสังคมด้วย

Shares:
QR Code :
QR Code