ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ‘ญาติ-เหยื่อ’ จากอุบัติเหตุ เมาแล้วขับ

ที่มา : เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ


ภาพประกอบจาก เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ


ฟื้นฟูสภาพจิตใจ 'ญาติ-เหยื่อ' จากอุบัติเหตุ เมาแล้วขับ thaihealth


ระหว่างการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาล ข่าวเศร้าที่มักจะมาพร้อมๆ กันก็คือ การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งในจำนวนนี้พบว่า ร้อยละ 41 เป็นเสาหลักของครอบครัว ด้วยเหตุนี้เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้จัดเวทีเสวนา 'ปัญหาสุขภาพจิต ในวิกฤตชีวิตญาติและเหยื่ออุบัติเหตุทางถนน' โดยถ่ายทอดประสบการณ์จากเหยื่อและญาติอุบัติเหตุทางถนน จากคนปกติต้องกลายเป็นผู้พิการ และคนที่ต้องสูญเสียสามี และลูก ภายในงานมีการแสดงละครสะท้อนปัญหาความสูญเสียหลังอุบัติเหตุ จากทีมเพาะกิจเธียเตอร์


ฟื้นฟูสภาพจิตใจ 'ญาติ-เหยื่อ' จากอุบัติเหตุ เมาแล้วขับ thaihealth


ศักดา บุญสุขศรี หนึ่งในเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า เมื่อปี 2540 เคยประสบอุบัติเหตุทางถนนจากการเมา แล้วขับ หลังไปดื่มเหล้ากับเพื่อนช่วง หลังเลิกงาน พอเหล้าหมดจึงอาสาขี่ รถจักรยานยนต์ออกไปซื้อ แม้เพื่อนจะห้าม แต่ตนก็ไม่ฟังเพราะมั่นใจว่าไม่เมา ประกอบกับร้านจำหน่าย อยู่ห่างจากบ้านแค่ 800 เมตร ด้วยความชะล่าใจบวกกับความประมาททำให้ตนขี่รถจักรยานยนต์ชนกำแพง ร่างกระแทกลงไปนอนสลบกับพื้น ความรุนแรงจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นส่งผลให้กลายเป็นคนพิการอัมพาต ครึ่งท่อน ต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต จากเดิมที่เคยเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องกลายเป็นภาระให้พ่อแม่เลี้ยงดู  น้อง 2 คน ไม่ได้เรียนต่อ ครอบครัวต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินมารักษา


จากอาการบาดเจ็บทางกายเริ่มก่อตัวเป็นความเครียด ตอนนั้นตัวเองเหมือนคนเป็นโรคจิต รู้สึกท้อแท้ สิ้นหวังไม่อยากมีชีวิตอยู่ อยากที่จะฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ไม่รู้ว่ามีหน่วยงานไหนที่เขาอยากช่วยอยากคุยกับเรา ชีวิตเหมือนล้มละลาย"ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย พ่อแม่ต้องคอยดูแลตลอด ไปทำงานพักเที่ยงก็ต้องรีบกลับมาป้อนข้าว หายาให้กิน รู้สึกเป็นภาระของครอบครัว มีหนี้สินไปกับการรักษาทำกายภาพนานถึง 2 ปี ตอนนั้น ท้อแท้มาก เครียด คิดแต่ว่าอยากตาย จะได้ไม่ต้องลำบากครอบครัว แต่โชคดีที่ได้กำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนจากมูลนิธิเมาไม่ขับ ดึงมาเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยรณรงค์ให้สังคมเห็นโทษจากการเมาแล้วขับ ได้ไปฝึกอาชีพกับโรงเรียนสอนคนพิการ ทำให้มีอาชีพเลี้ยงดูตนเองได้และมีพลังที่จะดำเนินชีวิตต่อ ปีใหม่นี้จึงอยากเตือนไปถึงคนที่ยังใช้ชีวิตประมาท อยากให้ดูผมเป็นตัวอย่าง คนเราไม่ได้โชคดีแบบนี้ทุกคน อยากให้ใช้สติ ถ้าวันนั้นผมยอมฟังเพื่อนก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ คิดแค่ว่าระยะทางไม่กี่ร้อยเมตร ดื่มแล้วขับทุกวันไม่เห็นเป็นอะไร แต่สุดท้ายเพียงแค่เสี้ยววินาทีตอนนั้น ทำให้ผมกลายเป็นคนพิการนั่งบนรถเข็นไปตลอดชีวิต" ศักดา กล่าว


อีกหนึ่งความทรงจำอันเลวร้ายของภรรยาที่ต้องสูญเสียสามีจากคนเมาแล้วขับ ขณะปฏิบัติหน้าที่ รัชฐิรัชฎ์ ซุ่นสั้น เล่าว่า ครอบครัวตนต้องสูญเสียเสาหลักไปอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุคนเมาขับรถกระบะชนขณะไปปฏิบัติหน้าที่เคลียร์พื้นผิวจราจร เหตุการณ์ครั้งนั้นกลายเป็นอุบัติเหตุซ้ำซ้อนสะเทือนขวัญที่คร่าชีวิต ผู้บริสุทธิ์ถึง 5 ราย หนึ่งในนั้นเป็นสามี ที่ประกอบอาชีพเป็นตำรวจ จากครอบครัวที่สมบูรณ์ ทำให้ลูกต้องขาดพ่อ ตนต้องดูแลครอบครัวเพียงลำพัง แม้จะเสียใจกับความสูญเสียแต่ชีวิตต้องเดินหน้าต่อ จึงเอาคำสอนของสามีที่เคยบอกไว้มาเป็นกำลังใจและแรงผลักดันให้เข้มแข็งเพื่อที่จะเป็นแบบอย่าง ให้กับลูก ช่วงนั้นรู้เลยว่าสภาพจิตใจ ตัวเองย่ำแย่มาก ไม่ปกติและไม่รู้จะคุยจะระบายจะปรึกษาใครได้ แต่เราต้องทำตัวให้เข้มแข็งนะเพราะไม่อยากให้ลูกไม่สบายใจ แต่จริงๆ แล้วในใจเรามันแทบสลาย ตอนนั้นโชคดีที่พี่ๆ น้องๆ เครือข่าย พัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นคนแปลกหน้า ที่เข้ามาช่วยเหลือ ในเรื่องคดี และที่สำคัญคือการพูดคุยกับเราอย่างเข้าใจ สร้างพลังใจ จนเป็นเหมือนญาติ เขาทำทุกอย่างเพื่อหวังให้เราอยากก้าวผ่านจุดนี้ไปให้ได้ถือว่าเราโชคดีมากว่าคนอื่น


"สามีเคยสอนว่าเราเสียใจได้ แต่ต้อง มีสติและอย่าลืมหน้าที่ที่ต้องทำ อย่าให้ความเสียใจมาทำลายทุกอย่างจนไม่มีสติ ทุกวันนี้คิดแค่ว่าเค้าหายไปเฉพาะตัว  ไม่เคยลืมแม้แต่วันเดียว แต่จะไม่เอา ตัวเองไปจมปลักอยู่กับความทุกข์ ไม่ทำกิจกรรมที่บั่นทอนจิตใจ ไม่ฟังเพลงเศร้า อ่านหนังสือธรรมะที่มีคำสอนดีๆ เพราะคน 100 คน ให้กำลังใจเราไม่เหมือนเราสร้างกำลังใจด้วยตัวเอง ปีใหม่นี้จึงอยากเตือนประชาชนทุกคนในฐานะครอบครัวที่เคยสูญเสียคนรักจากการถูกคนเมาขับรถชน ถ้าดื่มอย่าขับรถเด็ดขาดต้องมีสติ และอยากฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง อย่าเลือกปฏิบัติ ถ้าคนทำผิดกฎจราจรเมาแล้วขับก็ต้องโดนลงโทษสถานหนักเสียที"  รัชฐิรัชฎ์ กล่าว


ฟื้นฟูสภาพจิตใจ 'ญาติ-เหยื่อ' จากอุบัติเหตุ เมาแล้วขับ thaihealth


ขณะที่ รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ อาจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าข้อมูลคนตายจากอุบัติเหตุ ปี 2562 จากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัย จากรถ อุบัติเหตุบนท้องถนน ระบุว่า  ครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 48 เดินทางใกล้ๆ บ้านไม่เกิน 5 กม. จักรยานยนต์ที่เสียชีวิต ถึง 323 รายพบว่า ร้อยละ 41 ไม่มี พรบ. ทำให้ไม่มีเงินมาช่วยเหลือเยียวยาทั้ง ตัวเองและคู่กรณี และ ร้อยละ 41 เป็นเสาหลักครอบครัว เป็นความยากลำบาก มากๆ ในการใช้ชีวิต นอกจากจะทำให้เกิดการบาดเจ็บ ทางร่างกายแล้ว ในบางรายอาจได้รับ ผลกระทบทางจิตใจจากสภาวะความเครียดที่รุนแรง จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียอวัยวะหรือถึงขั้นชีวิต ซึ่งความเครียดนี้แบ่งได้หลายระดับ เช่น"โรคความเครียดจากการได้รับบาดเจ็บ" ผู้ป่วยจะมีภาวะครุ่นคิดกับ สิ่งที่เจอ ส่งผลทำให้สภาพจิตใจแย่ลง  เริ่มรู้สึกโทษตัวเองที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ท้อแท้  สิ้นหวัง ไม่อยากทำอะไร เศร้า หดหู่  หมดกำลังใจ ทานอาหารและการนอนเริ่มเปลี่ยนแปลง ขั้นหนักสุดคือไม่อยากมีชีวิตอยู่ เป็นหลายสัปดาห์ติดต่อกัน และไม่สามารถพยุงความรู้สึกตัวเองได้ อันนี้จะถือว่าเป็น "โรคซึมเศร้า"


สำหรับโรคเครียดที่เกิดจากการเผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวัญ หรือ PTSD (Post traumatic Stress  Disorder) เป็นโรคที่ก่อตัวขึ้นจากการที่ต้องเผชิญเหตุการณ์ที่กระทบเทือนจิตใจถึงขั้นชีวิต ซึ่งอาการของโรคจะทำให้ ผู้ป่วยรู้สึกหวาดผวา เหมือนเหตุการณ์น่ากลัวยังเกิดขึ้นซ้ำๆ แม้จะจบไปแล้ว ตื่นกลางดึกเพราะฝันร้าย รู้สึกใจสั่นและกลัวอยู่ตลอดว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับตัวเอง ดังนั้นคนรอบข้างต้องระวังเมื่อผู้ป่วยเจอเหตุสะเทือนขวัญ การที่ให้เล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังมากเกินไป อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาได้ ต้องประเมินความพร้อม การเล่าอยากให้ผ่อนคลายในสิ่งที่อยากเล่าจริงๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับสภาพจิตใจ


"การฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ป่วย ที่มีสภาวะความเครียดทางอารมณ์นั้น คนรอบข้างครอบครัวช่วยได้ ให้ใช้วิธีพูดคุยและคอยรับฟังในเวลาที่ต้องการให้ช่วยเหลือ หรือหากมีอาการของโรคที่รุนแรงมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต เช่น ไม่สามารถทำงานได้ กระทบความเป็นอยู่ ถึงขั้นเป็นอันตราย อยากทำร้ายตัวเองบ่อยครั้ง คิดเรื่องความตาย  ให้ชักชวนผู้ป่วยไปพบผู้เชี่ยวชาญที่ โรงพยาบาลทางด้านจิตเวช สถานพยาบาลด้านจิตเวชที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ  เรามีนักจิตบำบัด จิตแพทย์ นักจิตวิทยาที่จะคอยให้คำปรึกษาและดูแลด้วย การใช้จิตบำบัด ขณะที่บางรายอาจมี การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการร่วมด้วยตามความรุนแรงของโรค" รศ.พญ.รัศมน กล่าวในที่สุด


เพราะความสูญเสียไม่ได้ส่ง ผลกระทบแค่ทางร่างกายของคนที่ประสบอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ยังส่งผล ต่อจิตใจรวมไปถึงคนในครอบครัว เรื่องเล่าเหล่านี้จึงถือเป็นการเตือนสติ ผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้เป็นอย่างดี

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ