พี่สอนน้อง ‘ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำได้’
โครงการพี่สอนน้อง 'ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำได้' ประสบความสำเร็จ เด็กๆ 1,400 คนรู้จักเอาตัวรอด
ปิดฉากลงไปเรียบร้อย สำหรับโครงการพี่ สอนน้อง "ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำได้" โดยสำนักงานกองทุนสนันสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งในปี 2557 ได้ทำการเปิดรับเด็กเยาวชน อายุ 10-15 ปี เข้าร่วมโครงการ ทั้งสิ้น 7 สนาม จำนวนกว่า 1,400 คน เพื่อเข้ารับการอบรมทักษะการว่ายน้ำ การช่วยเหลือตัวเอง และผู้อื่นขณะจมน้ำ โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาทางน้ำระดับประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งก็สามารถช่วยลดจำนวนการสูญเสียชีวิตของเด็กๆ จากอุบัติเหตุจมน้ำในแต่ละปีให้น้อยลง
จากการสำรวจพบว่า ประเทศไทยมีอุบัติเหตุจากการจมน้ำของเด็ก (อายุต่ำกว่า 15 ปี) เสียชีวิตมากเป็นอันดับหนึ่ง คิดเฉลี่ยแล้วปีละ 1,300-1,500 คน หรือเฉลี่ย 3-4 คนต่อวัน แถมพบว่าอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำมีสถิติพุ่งสูงขึ้นในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนระหว่างเดือน มี.ค.-พ.ค.ของทุกปี ซึ่งผลจากการสำรวจการว่ายน้ำเป็นของเด็กไทย (อายุ 5-14 ปี) ปี 2557 จากจำนวนเด็ก 8 ล้านคน พบว่าเด็กที่ว่ายน้ำมีเพียงร้อยละ 23.7 หรือประมาณ 2 ล้านคน แต่ที่สามารถว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดได้มีเพียงร้อยละ 4.4 หรือ 367,704 คน
จากสถิติดังที่กล่าวมา จึงทำให้เกิดโครงการพี่สอนน้องชวนกันออกกำลังกาย "ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำได้" โดยทางสำนักงานกองทุนสนันสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ประสานมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร และกรมพลศึกษา ร่วมทั้ง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน)
เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยลดอุบัติ เหตุการจมน้ำเสียชีวิตของเด็ก (อายุต่ำกว่า 15 ปี) โดยเป็นหลักสูตรการอบรมทักษะการว่ายน้ำอย่างถูกต้อง เพื่อเรียนรู้การเอาชีวิตรอดและรู้จักการช่วยเหลือตัวเอง และผู้อื่นในขณะที่ประสบเหตุทางน้ำซึ่งถือเป็นการดูแลคุณภาพชีวิตในระดับการป้องกันเชิงปฏิบัติ และสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
โดยโครงการดังกล่าวเปิดรับสมัครเยาวชน ชาย-หญิง อายุระหว่าง 10-15 ปี จำนวน 200 คน ต่อ 1 ศูนย์กีฬา เพื่อเข้าร่วมการฝึกอบรมการว่ายน้ำ ใช้เวลาในการฝึกรวม 12 ชั่วโมง ในวันเสาร์-อาทิตย์ วันละ 6 ชั่วโมง โดยอดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนว่ายน้ำทีมชาติไทย อ.วรพงศ์ พัชรวิชญ์ พร้อมด้วยนักกีฬาทีมชาติไทยทำการเปิดอบรมจำนวน 7 ศูนย์ อาทิ สระว่ายน้ำวิสุทธารมณ์ (หลังอาคารนิมิบุตร) สนามกีฬาแห่งชาติ เขตปทุมวัน, ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา เขตบางบอน, ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ เขตจตุจักร, ศูนย์กีฬารามอินทรา เขตบางเขน, โรงเรียนสตรีวิทยา 2 เขตลาดพร้าว, ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เขตมีนบุรี และศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ (บางมด) เขตทุ่งครุ ซึ่งมีระยะเวลาโครงการพี่สอนน้อง ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำได้ โดย สสส.ที่ได้เริ่มโครงการตั้งแต่เดือน พ.ย.57 ถึงวันนี้มีเยาวชนให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างมากมาย ประมาณรุ่นละ 200 คน รวมเยาวชนที่สนใจเข้าร่วมทั้งสิ้น 1,400 คน ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานกองทุนสนันสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นประธานทำพิธีปิดพร้อมมอบใบประกาศนียบัตร ในโครงการพี่สอนน้องชวนกันออกกำลังกาย "ว่าย น้ำเป็น เล่นน้ำได้" โดย สสส. ณ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระ เกียรติ (บางมด) ทุ่งครุ หลังพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่เด็กๆ นายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส กล่าวว่า สำหรับ โครงการพี่สอนน้องชวนกันออกกำลังกาย "ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำได้" โดย สสส. เดินทางมาถึงสนามที่ 7 ที่ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ บางมด เขตทุ่งครุ ได้รับการตอบรับจากเด็กๆ และผู้ปกครองละแวกนี้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากเป็นการสอนว่ายน้ำอย่างเป็นระบบ และมีแบบแผน อีกทั้งยังได้เรียนรู้จากวิทยากรที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาทางน้ำแถวหน้าของประเทศอีกด้วย การเรียนว่ายน้ำครั้งนี้ นอกจากจะได้ความรู้เรื่องของทักษะกีฬาว่ายน้ำอย่างถูกต้องแล้ว ยังได้เรียนรู้การช่วยเหลือตัวเองเพื่อไม่ให้จมน้ำ รู้วิธีช่วยเหลือคนตกน้ำ แล้วยังสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปสอนเพื่อนๆ ที่ไม่มีโอกาสมาร่วมโครงการได้อีกด้วย
ส่วนอาจารย์วรพงศ์ พัชรวิชญ์ ผู้ฝึกสอนนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ กล่าวว่า โครงการนี้ได้รับความสนใจจากเด็กๆ โดยการสนับสนุนจากผู้ปกครองส่งเด็กเข้ามาสมัครร่วมอบรมทักษะการว่ายน้ำเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเรามีระบบการเรียนรู้ที่ได้มาตรฐานและมีแบบแผนนั่นเอง
โดยปีนี้มีเด็ก 4-5 ขวบ เรียนระดับอนุบาลสมัครเข้ามาร่วมอบรม ซึ่งทางทีมงานได้ทำการคัดกรองแยกเด็กออกเป็นคลาส เพื่อให้แบ่งระดับการเรียนรู้ให้เป็นระบบตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เด็กๆ ที่เข้ารับการอบรมครั้งนี้นอกจากจะได้เรียนรู้ทักษะการว่ายน้ำอย่างถูกต้องแล้ว ยังเรียนรู้การทรงตัว การลอยตัว การเอาชีวิตรอด การช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่นกรณีจมน้ำ ซึ่งเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ 1,400 คน ในปีนี้ ยังจะสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปสอนเพื่อนที่ไม่มีโอกาสเข้ารับการอบรมได้อีกด้วย
ทางด้าน ฤทัย สันทัดวัฒนา นักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ วิทยากรของโครงการ กล่าวว่า เด็กๆ สนุกสนานกับการเรียนรู้การว่ายน้ำ เมื่อได้เรียนรู้การอยู่ในน้ำอย่างถูกวิธีพวกเขาจะไม่กลัวน้ำ เด็กหลายๆ คนมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว เราก็จะใส่เทคนิคเข้าไปใส่ท่าว่ายที่ยากขึ้น อย่างท่ากบ กรรเชียง ผีเสื้อ จะทำให้พวกเขาสามารถนำความรู้ไปต่อยอด พัฒนาทักษะการว่ายน้ำไปสู่ระดับการแข่งขัน ซึ่งตรงนี้หากเด็กๆ คิดจะเอาดีทางกีฬาว่ายน้ำต่อก็สามารถทำได้
มาฟังความคิดเห็นของน้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการบ้าง "น้องกีตาร์" กีรนันท์ งามอ่อน อายุ 11 ปี เผยว่า "หนูอยากว่ายน้ำเป็น แต่ไม่มีโอกาสไปเรียน เคยไปเล่นน้ำตอน 8 ขวบ แต่ไม่กล้าว่ายเพราะกลัวน้ำ โครงการนี้ทำให้หนูมีโอกาสเรียนรู้การว่ายน้ำจากวิทยากรเก่งๆ ทำให้หนูมีความมั่นใจได้เรียนรู้การเอาชีวิตรอดในน้ำ และรู้วิธีช่วยคนตกน้ำอย่างถูกต้อง คือเราได้รู้ว่าหากเห็นคนจมน้ำเราจะว่ายลงไปช่วยเขาเลยไม่ได้ เพราะจะทำให้ถูกคนจมน้ำกดเราจมไปด้วย ควรหาอุปกรณ์ช่วยชีวิตหรือชูชีพโยนลงไปให้คนจมน้ำเกาะ หรือหากไม่มีก็เรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วยจะปลอดภัยกว่าลงไปช่วยเอง
"น้องธรรม" ประสิทธิเทพ ธรรมโรงปาน อายุ 13 ปี กล่าวว่า ผมเห็นโครงการนี้จากสื่อ ก็เลยอยากมาว่ายน้ำ ผมไม่เคยเรียนว่ายน้ำมาก่อนเลย อยากว่ายน้ำเป็น อยากรู้การเอาตัวรอดจากการจมน้ำ และอยากช่วยเหลือคนจมน้ำได้ ซึ่งประสบ การณ์ในการเข้ามารับการเรียนรู้การว่ายน้ำครั้งนี้สนุกและได้ความรู้ ผมจะนำประสบการณ์ครั้งนี้ไปบอกต่อ ไปสอนเพื่อนที่ไม่ได้มาเข้าโครงการ กลับบ้านผมจะแนะนำเพื่อนๆ น้องๆ ให้มาเข้าร่วมโครงการนี้อีกในปีหน้า ตอนนี้หลังจากได้เรียนรู้ทักษะการว่ายน้ำจากนักกีฬาทีมชาติแล้ว ทำให้ผมมีความมั่นใจและอยากจะเอาจริงกับกีฬาว่ายน้ำ ในอนาคตผมจะเป็นนักกีฬาว่ายน้ำครับ
และนี่คือเสียงสะท้อนจากน้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการพี่สอนน้องฯ "ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำได้" โดยสำนักงานกองทุนสนันสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งในปี 2557 ทั้งหมด 7 สนาม ที่ได้ผลิตนักว่ายน้ำตัวน้อยกว่า 1,400 คน นำไปขยายผลสอนเพื่อนๆ ให้ว่ายน้ำเป็นเล่นน้ำได้ต่อไปได้อีก โครงการนี้จึงช่วยลดสถิติจำนวนเด็กจมน้ำเสียชีวิตในแต่ละปีให้น้อยลงได้อีกทางหนึ่งครับ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต