‘พี่น้องสนิทกันได้ ไม่เห็นต้องดื่ม’

การใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกิจกรรมรับน้อง ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างตระหนัก และร่วมมือกันหาทางแก้ไข เพื่อไม่ให้ปัญหานี้ลุกลาม และทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจากความร่วมมือดังกล่าว ส่งผลให้ผลการสำรวจของเอแบคโพลล์ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา พบว่าสถิติการดื่มแอลกอฮอล์ในกิจกรรมรับน้องมีแนวโน้มลดลงจากเดิม 50% เหลือเพียง 9.8% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีมาก

'พี่น้องสนิทกันได้ ไม่เห็นต้องดื่ม'

สำหรับในปีการศึกษา 2554 สสส.ยังคงสานต่อภารกิจดังกล่าว โดยร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และภาคีเครือข่ายต่างๆ จัดกิจกรรมปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานศึกษา โครงการ “รับน้องปลอดเหล้า” ปี 2554 ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้มีการดื่มแอลกอฮอล์ในกิจกรรมรับน้องลดน้อยลง ซึ่งในปีนี้ได้จัดกิจกรรมขึ้นภายใต้สโลแกน “พี่น้องสนิทกันได้ ไม่เห็นต้องดื่ม” และผลักดันให้สถาบันการศึกษาต่างๆ จัดตั้ง “ชมรมสร้างเสริมสุขภาพในสถานศึกษา”

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ศธ.จะร่วมกับ สสส.ขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยขณะนี้มอบให้ผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.สนับสนุนการรับน้องเชิงสร้างสรรค์ โดยจะไม่ให้มีการรับน้องนอกสถานศึกษา และนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสิ่งเสพติดทุกชนิดเข้ามาเกี่ยวข้องกับการรับน้อง

“ทั้งนี้ สถาบันการศึกษาต้องออกกฎระเบียบข้อบังคับให้เป็นนโยบายระดับสถาบันฯ รวมทั้งต้องให้ทุกฝ่ายรับรู้ถึงการจัดกิจกรรม และนักศึกษามีสิทธิที่เข้าร่วมกิจกรรมแบบสมัครใจ โดยสถาบันต้องมีศูนย์รับแจ้งเหตุ รวมทั้งกำหนดบทลงโทษทางวินัยกับผู้จัดกิจกรรมที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานด้วย” นายชินวรณ์ กล่าว

ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ขณะที่ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า สสส.ร่วมกับ ศธ.จัดกิจกรรมโครงการรับน้องปลอดเหล้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 แล้ว โดยมีแนวคิดหลักที่ว่า กิจกรรมรับน้องสนุกได้ โดยที่ไม่ต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงขอเชิญชวนสถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งร่วมมือกันสนับสนุนกิจกรรมการรับน้องที่ปราศจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีการใช้แอลกอฮอล์ในกิจกรรมรับน้อง ก็จะมีปัญหาความรุนแรง การลวนลาม และการละเมิดทางเพศตามมา แต่เมื่อสามารถลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงได้ ปัญหาต่างๆ ตลอดจนการร้องเรียนในเรื่องเหล่านี้ก็ลดลงอย่างชัดเจน

“ปีนี้เราต้องการทำให้กลุ่มมหาวิทยาลัยต่างๆ มีการรวมตัวกันมากขึ้น จึงได้ผลักดันการสร้างเครือข่ายใน 4 กลุ่มสถาบันอาทิ กลุ่มที่เข้มแข็ง กลุ่มที่กำลังมีพัฒนาการขึ้นมา และกลุ่มสถาบันที่มีแนวโน้มเป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งการสร้างเครือข่ายดังกล่าวจะทำให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการแก้ปัญหาที่คล้ายกัน และผมหวังว่ามหาวิทยาลัยที่อาจจะยังมีปัญหาอยู่ จะสามารถพัฒนาตัวเองไปสู่ในระดับที่เข้มแข็งได้ ทั้งนี้ปัจจุบันเหลือมหาวิทยาลัยไม่ถึง 10 แห่งที่เรากำลังเฝ้าระวังอยู่”  ผู้จัดการ สสส. กล่าว

นายสมหมาย สุระชัย ด้านนายสมหมาย สุระชัย รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง (มร.) กล่าวว่า มร.ได้ตั้งหน่วยงานกิจกรรมนักศึกษา เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการทำกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งเปิดศูนย์ฮอตไลน์ เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมรับน้องด้วย ทั้งนี้หากพบว่านักศึกษาคนใดฝ่าฝืนกับนโยบายดังกล่าว ก็จะถูกลงโทษทางวินัย อาทิ การภาคทัณฑ์ การงดลงทะเบียนเรียน และการพักการเรียน เป็นต้น

“ยอมรับว่าการดื่มแอลกอฮอล์ใน มร.ยังไม่หมด 100% เพราะใน มร.มีการจัดซุ้มประมาณ 300-400 ซุ้ม ซึ่งยากต่อการดูแล แต่ในขณะนี้ก็ได้มีการจัดเวรยามออกตรวจแล้ว และหากพบว่าในซุ้มใดยังมีการดื่มแอลกอฮอล์อยู่ ทาง มร.ก็จะไม่อนุมัติงบประมาณฯ เพื่อสนับสนุนและพัฒนาซุ้มนั้นๆ ต่อไป”

ปิดท้ายที่ “น้องบอมบ์” นายมนัสชนก กาละภักดี ประธานคณะกรรมการดูแลการรับน้อง และประชุมเชียร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) กล่าวว่า กิจกรรมรับน้องถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่ และรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย รวมทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้รุ่นพี่ทุกคนหาแนวทาง เพื่อให้รุ่นน้องบรรลุการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย และเป็นบัณฑิตที่ดีในอนาคตด้วย ซึ่งส่วนตัวมองว่าการจะสนิทกับรุ่นน้องได้ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งแอลกอฮอล์

'พี่น้องสนิทกันได้ ไม่เห็นต้องดื่ม'

“มน.จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาควบคุมดูแลการจัดกิจกรรมรับน้อง และการประชุมเชียร์ นอกจากนี้ยังมีการเปิดฮอตไลน์สายด่วน เพื่อรับเรื่องร้องเรียน และการจัดตั้งทีวีออนไลน์ ซึ่งไม่ว่าจะรับน้องเมื่อใดก็จะมีการถ่ายภาพออกอากาศออนไลน์ให้ทุกคนได้รับรู้ด้วย จึงมั่นใจว่าในปีนี้ มน.จะไม่มีปัญหาเรื่องการรับน้อง และจะปลอดแอลกอฮอล์ ตลอดจนสิ่งเสพติดทุกชนิด 100%” นายมนัสชนก กล่าว

นโยบายที่เข้มแข็ง และความร่วมมือต่าง ๆเหล่านี้ จะเป็นพลังสำคัญที่จะร่วมขจัดปัญหาการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกิจกรรมรับน้องให้หมดไปจากรั้วสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งหากทุกฝ่ายยังคงเดินหน้าในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เชื่อแน่ว่าปัญหาดังกล่าวก็คงจะสูญสิ้นลงในไม่ช้าอย่างแน่นอน!!!

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Shares:
QR Code :
QR Code