พิสูจน์ `วิ่งเปลี่ยนชีวิต`เอาชนะตัวเอง
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่เพียงกระแส "ปั่น" จักรยานจะมาแรง กระแส "วิ่ง" ก็ได้รับความนิยมจากผู้รักสุขภาพมากเช่นกัน สังเกตได้ว่า เพื่อนๆ รอบตัวอย่างน้อยสักคนที่หันมาวิ่งอย่างสม่ำเสมอ
แฟ้มภาพ
วิ่งในที่นี้ คือ การวิ่งทางไกลระยะทาง 3 กิโลเมตร 5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร ไปจนถึง 42 กิโลเมตร ซึ่งการวิ่งทางไกลตามหลักสากลจะเรียกว่า "มาราธอน" โดยมีระยะทาง 42.195 กิโลเมตร เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในการจัดการแข่งขันวิ่งทั่วโลก
ส่วนระยะทางรองลงมาจากนั้นจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น ฟันรัน (Fun run) 3-5 กิโลเมตร มินิ มาราธอน (Mini marathon) ระยะทาง 10 กิโลเมตร ฮาล์ฟ มาราธอน (Half marathon) ระยะทาง 21 กิโลเมตร หรือระยะทางมากกว่า 42 กิโลเมตรจนถึง 100 กิโลเมตรก็มี
การวิ่งแต่ละระยะถือเป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าจะทำได้หรือไม่ได้
ถึงขั้นมีคำกล่าวว่า If you want to run, run a mile. If you want to experience a different life, run a marathon. หมายความว่า "คุณอยากวิ่ง คุณวิ่งไมล์เดียวก็พอ แต่ถ้าคุณอยากพบชีวิตใหม่ คุณค่อยมาวิ่งมาราธอน"
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย จัดงาน "วิ่งสู่ชีวิตใหม่" ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ภายใต้คอนเซ็ปต์ "วิ่งเปลี่ยนชีวิต" หรือ "Running can change your life" ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า
การวิ่งจะเปลี่ยนตัวเองได้อย่างไรนั้น นายณรงค์ เทียมเมฆ ผู้ทรงคุณวุฒิแผนกิจกรรมทางกาย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อธิบายว่า เห็นได้ว่ากระแสการวิ่ง เกิดเป็นรันนิ่งบูม ในช่วงที่ผ่านมา มีนักวิ่งหน้าใหม่เกิดขึ้นไม่น้อยกว่าปีละ 500 คน ซึ่งแต่ละสัปดาห์จะมีงานวิ่งเกิดขึ้นอยู่ตลอด และกลายเป็นกิจกรรมที่บริษัท ห้างร้านต่างๆ ใช้การวิ่งเพื่อประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์ ที่ดี ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการวิ่ง
"คนใกล้ตัวที่เปลี่ยนตัวเองได้จากการวิ่งนั้น มีเป็นจำนวนมาก ซึ่งตั้งแต่หันมาวิ่งสิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนคือสุขภาพที่จะเปลี่ยนแปลงไป เช่น เรื่องง่ายๆ ปรับการนอนใหม่ เป็นนอนเร็วเพื่อมาออกกำลังกายตอนเช้า ซึ่งถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก เป็นต้น และอีกหลายคนที่ชีวิตเปลี่ยนกลับมามีชีวิตใหม่เพราะการวิ่ง บางครอบครัวก็หันมาวิ่งกันทั้งบ้าน และชวนเพื่อนๆ มาวิ่งด้วยกันกลายเป็นชมรมก็มี ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่ทำงานเก็บเงินมาทั้งชีวิต แต่ก็ไม่ได้ใช้ เพื่อความสุขของตัวเองและครอบครัว ต้องเอาเงินที่หาไว้มารักษาตัวเองแทน"นายณรงค์กล่าว
นักวิ่งเก๋าเกมในวงการอีกคน เฮียพจน์ หรือ นายพจน์ เพิ่มพรพิพัฒน์ อายุ 70 ปี ประธานสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและหันมาวิ่งอย่างจริงจัง เปิดเผยว่า การวิ่งนั้นเปลี่ยนชีวิตได้จริง แต่ก่อนตนเป็นคนทำงานอย่างหนักมาตลอดชีวิต จนวันหนึ่งรู้สึกเหมือนตัวเองจะไม่ไหว ทั้งที่อายุแค่ 40 ปี นั่งตรงไหนก็หลับ แต่ถึงเวลานอนกลับนอนไม่หลับ มีคนแนะนำให้วิ่ง
"หลังจากวิ่งต่อเนื่องในช่วงเช้าได้ 2 ปี ก็รู้สึกได้ว่า สุขภาพตัวเองนั้นดีขึ้นอย่างชัดเจน จากที่ขับรถไปกลับกรุงเทพฯหัวหิน แทบไม่ไหว ก็สามารถขับรถไปเชียงใหม่ได้สบายๆ จนปัจจุบันเฮียพจน์ อายุ 70 ปีแล้วก็ยังคงวิ่งและดูมีสุขภาพที่แข็งแรงอยู่" เฮียพจน์กล่าวสำหรับประสบการณ์นักวิ่งหน้าใหม่อีกคน สรัญ ลิ้มสวัสดิ์วงศ์ อายุ 42 ปี นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของโรงแรม S31 เล่าว่า การใช้ชีวิตของตัวเองนั้นเคยเหมือนกับคนทั่วไปที่ทำงานหนัก 7 วัน ปาร์ตี้หนัก แต่เมื่อ 5 ปี ก่อน ป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เข้ารับการรักษาคีโม จนเมื่อรักษาหาย ได้ปรึกษากับแพทย์เพื่อวางแผนการใช้ชีวิต ว่าไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีกต่อไป จึงหันกลับมาดูแลตัวเองเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย โดยลองกีฬามาหลายอย่าง จนพบว่าการวิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดผลหลายอย่าง ในช่วงเช้าที่ตื่นมา วิ่งนั้น รู้สึกได้อยู่กับตัวเอง และทบทวนในหลายๆ เรื่อง และเมื่อลงวิ่งในสนามต่างๆ ก็รู้สึกได้ถึงพลังที่จะเอาชนะตัวเอง ทำให้หันมาวิ่งอย่างจริงจัง รวมทั้งชวนเพื่อนๆ มาวิ่งด้วยกัน
"เริ่มแรกก็เหมือนหลายๆ คนที่คิดว่าตัวเองไม่ไหว ไม่สามารถทำได้ แต่เมื่อค่อยๆ ฝึก มีกลุ่มเพื่อนช่วยกัน ก็เริ่มทำได้ จากกิโลฯ แรกที่ไม่ไหว ก็กลายเป็น 5 กิโลฯ 10 กิโลฯ และวิ่งมาราธอน มาได้ 2 ครั้งแล้ว เมื่อลองวิ่งก็เริ่มสนุกอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปสนามใหม่ๆ เช่น ในปีหน้าก็จะไปวิ่งที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น ส่วนสุขภาพร่างกายหลังมาวิ่งนั้น ในการตรวจร่างกายทุก 6 เดือนเพื่อติดตามอาการของตัวเอง หมอเองก็แปลกใจว่า ค่าเลือดดีขึ้นมากสำหรับคนที่ป่วยด้วยมะเร็ง สามารถคุมความดันได้ดีขึ้น ถ้าคนที่ไม่เคยวิ่งก็อยากให้ลอง และลองชวนเพื่อนๆ มาวิ่งด้วยกันจะทำได้อย่างต่อเนื่อง" สรัญกล่าว
โครงการวิ่งสู่ชีวิตใหม่ "Thai Health Day Run" เริ่มตั้งแต่ปี 2555 มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนออกกำลังกายด้วยการวิ่งเพื่อสุขภาพที่ดี กระตุ้นให้เกิดนักวิ่งหน้าใหม่เข้าสู่สนามวิ่ง และเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเอง และครั้งนี้ยังเป็นการร่วมสร้างประวัติศาสตร์สะสมระยะทางวิ่ง โดยนำระยะทางของนักวิ่งทุกคนจาก 3 ประเภท ได้แก่ วิ่ง 10 กิโลเมตร วิ่ง 5 กิโลเมตร และเดินวิ่ง 3 กิโลเมตร มารวมกันให้ได้เป้าหมายคือ 100,000 กิโลเมตร
ในการวิ่งครั้งนี้ ยังมีการจัดอบรมอาสาสมัคร ได้แก่ ทีมนักวิ่งนำเวลา (pacer) ทำหน้าที่วิ่งนำนักวิ่งให้เข้าสู่เส้นชัยภายในช่วงเวลาที่ตั้งใจไว้ เพื่อช่วยนักวิ่งหน้าใหม่ ให้สามารถวิ่งได้อย่างสนุกสนาน นอกจากคนนำวิ่งจะช่วยให้วิ่งได้ตามเวลา ยังเป็นคนคอยกระตุ้นให้นักวิ่งมีกำลังใจด้วย
ทีมปฐมพยาบาลและช่วยชีวิตในกรณีฉุกเฉิน (First Aid/EMS) ทำหน้าที่ดูแลนักวิ่งที่ประสบปัญหาการบาดเจ็บระหว่างเส้น ทางวิ่ง
ทีมสนับสนุนการบริการท้ายขบวนวิ่ง (Sweeper) ทำหน้าที่ให้บริการและดูแลความเรียบร้อยตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ ยังมีอาสาสมัครที่อยู่ประจำตามจุดให้น้ำต่างๆ อาสาสมัครดูแลความสะอาด เพื่อสร้างมาตรฐานการวิ่งให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
สำหรับประเภทการแข่งขัน แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะทาง 3 กิโลเมตร รางวัลลำดับ 1-5 แบ่งเป็นรางวัลสำหรับ กลุ่มอายุชาย อายุ 7-8 ขวบ, 9-10 ขวบ และ 11-12 ปี และรางวัลสำหรับกลุ่มหญิง อายุ 7-8 ขวบ, 9-10 ขวบและ 11-12 ปี ส่วนผู้สมัครที่อายุเกิน 12 ปี สามารถสมัครระยะ 3 ก.ม. ได้ แต่ไม่มีการแข่งขัน และหากอายุเกิน 15 ปี
ระยะทาง 5 กิโลเมตร รางวัลลำดับ 1-5 กลุ่มอายุ ชาย 13-15 ปี และ หญิง 13-15 ปี ส่วนผู้สมัครที่อายุเกิน 15 ปี สามารถสมัครระยะ 5 กม. ได้ แต่ไม่มีการแข่งขัน และระยะทาง 10 กิโลเมตร รางวัลลำดับ 1-5 นักวิ่งชายแบ่งเป็นกลุ่มอายุ 16-19 ปี, 20-29 ปี, 30-39 ปี, 40-49 ปี, 50-59 ปี, 60-69 ปี และ 70 ปี
ขึ้นไป สำหรับผู้หญิงแยกเป็นกลุ่มอายุ 16-19 ปี, 20-29 ปี, 30-39 ปี, 40-49 ปี, 50-59 ปี และ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งผู้สมัครทุกคนจะได้รับเสื้อและเหรียญเป็นที่ระลึก
สสส.ยังร่วมกับกรมสุขภาพจิต กระทรวง สาธารณสุข ส่งเสริมการพัฒนา สติจากการเดิน และวิ่ง มีนิทรรศการวิ่งสู่ชีวิตใหม่ นิทรรศการบนทางวิ่ง เพื่อให้ความรู้และ สร้างแรงบันดาลใจในเรื่องการวิ่งสำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงานสมัครได้ที่ สมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย หรือ เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/thaijoggingmagazine อีเมล์: [email protected] โทร.0-2278-7913
ถ้าอยากลองว่า วิ่ง เปลี่ยนชีวิตอย่างไร ออกมาวิ่งด้วยกัน
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ