พิสูจน์รักในใจ”พ่อ”
ทิ้งเหล้ามาเอาใจใส่ลูก
มีคำกล่าวว่าพลังแห่งความรักนั้นยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะพลังความรักของผู้ให้กำเนิดที่มีต่อลูก ในช่วง “วันพ่อ” จึงขอนำเสนอตัวอย่างความรักของผู้เป็นพ่อที่มีต่อลูก ซึ่งยอมปรับพฤติกรรมที่ไม่ดีของตนเองทิ้ง เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ครอบครัว
“นิพล วิชัย” พ่อค้าขายข้าวแกง วัย 43 ปี ซึ่งวันพ่อปีนี้ เขาได้รับการลงคะแนนเลือกจากบรรดานักเรียนในโรงเรียนของลูกให้ได้รับรางวัลพ่อตัวอย่าง แต่หากย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา นิพล บอกว่า ลูกคงไม่กล้าให้เขาไปที่โรงเรียนเป็นแน่
“ก่อนหน้านี้ผมดื่มเหล้าหนักมาก เริ่มดื่มเหล้ามาตั้งแต่ตอนเป็นวัยรุ่นอายุ 14-15 ปี และเริ่มดื่มหนักช่วงอายุ 30 ปี พอกินเหล้าก็ไม่ช่วยงานแม่บ้านที่ทำข้าวแกงขาย กลับบ้านค่ำๆ มืดๆ พอเข้าบ้านก็มีปากเสียงกัน ทะเลาะเบาะแว้งกันทุกวัน”
คุณพ่อวัย 43 ปี เล่าต่อว่า เขารู้ตัวดีว่าติดเหล้าอย่างหนัก เพราะเมื่อไหร่ที่ลืมตาก็ต้องกรอกเหล้าเข้าปาก ไปที่ไหนก็มีกลิ่นเหล้าติดตัวคละคลุ้ง ใครเห็นก็ร้องยี้ จนคนในชุมชนไม่อยากจะข้องแวะด้วย เด็กๆ ในชุมชนก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
“มันไม่มีใครเอาผมแล้ว บ้านก็ไม่สงบสุข ผมเลยมานั่งคิดว่า เราควรจะเลิกดื่มเหล้าได้แล้ว พยายามจะเลิกอยู่ 2 ครั้งแต่ก็กลับไปดื่มอีกทุกครั้ง ช่วงหลังๆ ผมก็เอาปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัวมาพิจารณา สิ่งสำคัญที่ผมให้น้ำหนักมากที่สุด คือ ลูกชายผมกำลังโตเป็นวัยรุ่นอายุ 14-15 ปี เท่ากับตอนที่ผมเริ่มดื่มเหล้า แต่ผมไม่อยากให้เขาดื่ม ไม่อยากให้เป็นเหมือนเรา แต่ก็เตือนเขาไม่ได้เพราะเราไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดี และเขาไม่ค่อยพูดคุยกับผม ผมคิดว่าถ้ายังปล่อยไปแบบนี้เขาดื่มเหล้าแน่ๆ จึงตัดสินใจว่าจะเลิกดื่มเหล้าให้ได้อย่างเด็ดขาด”
หลังตัดสินใจมุ่งมั่น นิพล ก็หยุดสาดน้ำเมาเข้าคอ และหันมาร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิเพื่อนหญิง ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้ารับการบำบัด และทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างเต็มตัว
“ช่วงแรกที่ผมเลิกเหล้าทรมานมาก มันปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ จนถึงขนาดเป็นไข้ แต่ผมบอกตัวเองตลอดว่าต้องอดทน ต้องทำได้ หากทำไม่ได้ครอบครัวเราคงแตกแยก ลูกจะมีปัญหา มีอาการอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ก็ดีขึ้น และอาการเหล่านั้นก็หายไป ระหว่างนั้นภรรยาผมก็ให้กำลังใจตลอดและร่วมทำกิจกรรมกับมูลนิธิเพื่อนหญิงด้วย ทำให้เรามีกำลังใจ”
หลังถอยห่างจากสุรา นิพล บอกว่า เขากลับมาเป็นสามีและพ่อที่ดี บรรยากาศในครอบครัวก็กลับมาดีเช่นกัน ทั้งลูกและภรรยาได้พูดคุยกันและใกล้ชิดกันมากขึ้น
“พอผมเลิกเหล้า ความสัมพันธ์ในครอบครัวมันก็ดีขึ้นด้วย เราได้กินข้าวด้วยกันทุกวัน จากที่แต่ก่อนไปคนละทิศละทาง เพราะพอผมเมาก็อาละวาดลูก เมียก็ไม่อยากอยู่ด้วย แต่ปัจจุบันเรากินข้าวด้วยกันทุกวัน ลูกชายก็พูดคุยกับผมทุกเรื่อง เลิกเรียนก็กลับมาบ้าน จากที่แต่ก่อนมาถึงก็รีบออกไปอยู่ร้านเกม ที่สำคัญผมบอกสอนเขาได้เพราะเราเป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาแล้ว ทุกวันนี้ลูกชายให้ผมไปส่งเขาไปโรงเรียนทุกวันทั้งที่อยู่ ม.6 แล้ว เขาบอกว่าเขาอยากมีกิจกรรมที่ได้อยู่ใกล้ๆ กับพ่อ แต่เมื่อก่อนนั้นเขาไม่อยากให้เพื่อนรู้เลยว่าพ่อขี้เมาเพราะอายเพื่อน ผมดีใจจริงๆ ที่เลิกเหล้าได้”
ไม่เพียงแต่เลิกเหล้าเท่านั้น “ครอบครัววิชัย” ที่ได้หัวหน้าครอบครัวกลับคืนมา ได้น้อมนำเอาพระราชดำริของ “พ่อหลวง” ในการใช้ชีวิตพอเพียงมาใช้ด้วย โดยจัดทำบัญชีครัวเรือน และออมเงิน รวมทั้งร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง
“พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทำให้ครอบครัวผมมีการวางแผนเรื่องการใช้จ่ายในครัวเรือนมากขึ้น และมีเงินออมที่จะเก็บไว้ให้ลูกในอนาคตด้วย”
สุดท้าย นิพล ฝากไปถึงลูกทั้งหลายว่า อยากให้ลูกๆ รู้ว่าคำว่า “พ่อ” เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คนเป็นพ่ออยากจะให้ลูกเชื่อฟัง หากอยู่ในวัยเรียนหนังสือก็อยากให้ตั้งใจเรียน และทำแต่สิ่งที่ดีๆ ส่วนคนที่เป็นพ่อนั้น การที่จะเป็นพ่อให้สมบูรณ์ได้ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกได้ด้วย ต้องดูแลลูก พูดคุยกับลูก ต้องเป็นได้ทั้งพ่อและเพื่อน ให้ความอบอุ่นกับลูกไม่เพียงแต่การเลี้ยงดูทางร่างกายเท่านั้น
วันพ่อปีนี้…เป็นโอกาสดีนะคะ ที่พ่อและลูกจะบอกรักกันและทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน
ที่มา : คีตฌาณ์ ลอยเลิศ Team content www.thaihealth.or.th
update : 02-12-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร