พิชิตมะเร็งร้าย หายได้ด้วยกำลังใจ
ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
โรคมะเร็ง นับว่าเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 1 ติดต่อ กันมากว่า 10 ปี จากข้อมูลของกระทรวง สาธารณสุขพบว่า คนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเฉลี่ยชั่วโมงละ 7 คน หรือ 60,000 คนต่อปี
ที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เล็งเห็นความสำคัญและรณรงค์เพื่อลดอัตราการเกิดของโรคดังกล่าวอย่างหลากหลายกิจกรรม เช่น โครงการลดพุงลดโรค โครงการพักตับ โครงการแค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย เป็นต้น ซึ่งกลุ่มโรค NCDs นั้นล้วนเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล เมื่อไม่นานมานี้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้จัดกิจกรรม "พิชิตมะเร็งร้าย หายได้ด้วยกำลังใจ" ขึ้น
ศ.นพ.สุรพล อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการอาวุโสศูนย์โลหิตวิทยากรุงเทพ โรงพยาบาลวัฒโนสถ ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ แพทย์ผู้มีประสบการณ์รักษาผู้ป่วยมะเร็งจนหายดีมาแล้วหลายราย กล่าวว่า คนเราต่างมีเซลล์อยู่ในร่างกาย หากเซลล์เหล่านั้นผิดปกติจะเกิดการแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนของเซลล์อย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้เกิดก้อนเนื้อและมีอาการของโรคมะเร็งต่างๆ ตามมา
ในเพศชายพบมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นอันดับแรกและพบมะเร็งเต้านมในเพศหญิง โรคมะเร็งหลายชนิดนั้นเกิดจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคล เช่น มะเร็งปอดมักพบได้บ่อยในผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ มะเร็งตับมักพบได้บ่อยในผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ มะเร็งทางเดินน้ำดี มักพบในผู้ที่ชอบกินอาหารไม่สุก เป็นต้น ซึ่งความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งคือ เรื่องไม่ออกกำลังกาย อาหารการกิน และความเครียด
"ผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้นมีโอกาสที่จะหายได้และมะเร็งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด สำหรับผู้ป่วยต้องหมั่นติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ มะเร็งบางชนิดอาจไม่หายขาดแต่สามารถดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยควรมีความมั่นใจในตัวแพทย์ที่ให้การรักษาและมีกำลังใจที่ดีจากครอบครัวหรือคนใกล้ชิด สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้พบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็ง ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำปีละครั้ง เนื่องจากผู้ป่วยหลายรายไม่มีอาการบ่งชี้ของโรคก่อนมาพบแพทย์" ศ.นพ.สุรพล กล่าว
ภายในงานยังได้ฟังประสบการณ์จาก คุณพิมพ์ พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร นักร้องนักแสดงชื่อดัง และคุณแอ้ นริสสา อมรวิวัฒน์ ภรรยาอดีตพิธีกรรายการเจาะใจ มาร่วมพูดคุยวิธีรักษาตัวเองและบอกเล่ากำลังใจในการต่อสู้กับโรคมะเร็งจนหายดี
คุณพิมพ์มาดา เล่าว่า ไม่เคยตรวจร่างกายเลยเพราะคิดว่าตัวเองแข็งแรงดีแล้ว แต่สังเกตว่าตอนมีประจำเดือนแล้วท้องป่องจึงไปหาคุณหมอพอตรวจก็พบว่าเป็นก้อนเนื้อใหญ่มาก เมื่อคุณหมอวินิจฉัยจึงพบว่าเป็นมะเร็งรังไข่ สิ่งที่สำคัญคือ กำลังใจจากคนรอบข้างที่ส่งมา เพราะในทุกๆ วันผู้ป่วยโรคมะเร็งต้องใช้เวลารักษาและต่อสู้อยู่กับโรคนี้ หากไม่มีกำลังใจคงยากมากที่จะก้าวผ่านมาได้ ทำให้เปลี่ยนความคิดในปัจจุบัน ทำให้ตนมีความสุขง่ายขึ้น เห็นคุณค่าต่อสิ่งต่างๆ แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ และตั้งใจทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
"สสส. จัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์อย่างมากทำให้เห็นว่าจริงๆ แล้วโรคนี้ไม่ได้น่ากลัวจนเกินไป ตามชื่อกิจกรรมที่ว่า 'พิชิตมะเร็งร้าย หายได้ด้วยกำลังใจ' นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญของ ผู้ป่วยโรคนี้ การเพิ่มกำลังใจให้ตัวเอง คือการคิดบวก โดยการปรับวิธีคิด ให้กำลังใจตัวเอง อย่าไปซึมเศร้า เพราะเราป่วยแค่กาย แต่ใจต้องไม่ป่วย ณ ตอนนั้นพิมพ์จึงพยายามใช้ชีวิตปกติเท่าที่ร่างกายไหว" คุณพิมพ์ กล่าว
ด้าน คุณนริสสา ผู้ที่เคยป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองถึง 2 ครั้ง กล่าวว่า ตนพบว่าเป็นโรคมะเร็งจากการตรวจร่างกายประจำปี ครั้งแรกรักษาด้วยการทำคีโม 6 ครั้ง แต่พอตรวจติดตามผลคุณหมอแจ้งว่ามะเร็งกลับมาแล้ว ครั้งที่สองจึงรักษาด้วยการทำคีโมและปลูกถ่ายไขกระดูกตัวเอง
"ยอมรับเลยว่าครั้งแรกเราป่วยทั้งกายและใจ ซึ่งการที่ใจเราป่วยด้วยมันแย่กว่าการป่วยกายแค่เพียงอย่างเดียว คุณหมอที่รักษาสอนว่า ให้หาข้อดีจากการที่ป่วยเป็นโรคนี้ ตอนนั้นจึงมีโอกาสได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง แม้ว่ามะเร็งจะไม่ใช่โรคที่เป็นแล้วหายไวเหมือนโรคอื่น แต่เราต้องไม่กลัว คิดว่าเราต้องหาย ถึงการรักษาจะต้องได้รับความเจ็บปวดจากการทำคีโม แต่เราต้องอดทนเพื่อเป้าหมายในการมีชีวิตต่อโดยที่ไม่มีมะเร็งอยู่ในร่างกาย" คุณแอ้ กล่าว
นอกจากนี้ยังมีการจัดเวิร์คช็อปประดิษฐ์เต้านมเทียมเพื่อนำไปบริจาคให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม โดยจิตอาสากลุ่ม 'เพื่อนทอฝัน' คุณนารี ฉันทนาภรณ์ กลุ่มเพื่อนทอฝัน โครงการเต้านมเทียม เล่าว่า เพื่อนทอฝันเป็น จิตอาสาที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ลดความรู้สึกไม่มั่นใจหลักจากรับการรักษาโรคดังกล่าวไปแล้วอย่างการประดิษฐ์เต้านมเทียม และผ้าคลุมผม ซึ่งกลุ่มนี้ก่อตั้งราว 9 ปีมาแล้ว ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปถ่ายทอดความรู้ตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด กิจกรรมนี้ได้ช่วยเพิ่มความมั่นใจคนในสังคมที่เคยผ่าตัดมะเร็งเต้านมมาแล้ว และเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยอย่างมาก
ด้านผู้ร่วมกิจกรรมอย่าง ป้าเกียว อัฉลาวรรณ เลิศชัยศิริกุล เคยป่วยเป็นมะเร็งรังไข่ กล่าวว่า ตนได้ร่วมกิจกรรมของ สสส. อยู่ประจำ แม้ว่าเคยเป็นมะเร็งมาก่อนจึงมีความรู้อยู่บ้างแต่ก็ยังมาฟังเพื่อให้รู้ว่าคนอื่นที่เป็นโรคดังกล่าวแล้วดำเนินชีวิตอย่างไร นอกจากนี้ถือว่าดีมากๆ ที่จัดเวิร์คช็อปทำเต้านมเทียมเพราะได้ทั้งความรู้และได้ช่วยคนอื่น
ผู้ที่สนใจกิจกรรม SOOK Activity ของ สสส. สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-3431500 กด 2, 081-7318270 (วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-17.00 น. เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์), Line ID : thaihealth_center, @SOOK, https://www.facebook.com/sookcenter