พัฒนาห้องแล็บ ช่วยตรวจหาเบาหวาน
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า
แฟ้มภาพ
คนไทยป่วยเป็นโรคเบาหวานกว่า 4.8 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ในผู้ป่วยบางรายที่เป็นมานานหลายปี มักจะพบปัญหาของการเกิดภาวะแทรกซ้อน หรืออาจสูญเสียอวัยวะและทำให้เสียชีวิต
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานหรือไม่จำเป็นต้องใช้ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยัน โดยเฉพาะการตรวจหาระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดตลอดช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าผู้ป่วยเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีหรือไม่ ที่เรียกว่า การตรวจฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี (Hemoglobin A1C ; HbA1C)ช่วยสนับสนุนให้แพทย์ประเมินผลการรักษา ติดตามอาการ รวมถึงป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยโรคเบาหวานในระยะยาวได้
สำหรับประเทศไทยการตรวจ HbA1C ในปัจจุบันมีความหลากหลาย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยฝ่ายปฏิบัติการด้านเชื้อถ่ายทอดทางการ ให้เลือด สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข เห็นถึงความจำเป็นในการประกันคุณภาพห้องปฏิบัติการตรวจ HbA1C ดำเนินแผนทดสอบความชำนาญการตรวจ HbA1Cตั้งแต่ปี 2559 เพื่อประเมินผลการตรวจ HbA1C ของห้องปฏิบัติการที่สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก โดยเปรียบเทียบผลการทดสอบของห้องปฏิบัติการสมาชิกกับค่าที่กำหนด (Assigned value) จาก International Federation of Clinical Chemistry (IFCC) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงระดับนานาชาติที่กำหนดค่ามาตรฐานของการทดสอบ HbA1cที่ได้รับมาตรฐานมีความน่าเชื่อถือ
นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการตรวจ HbA1C แห่งชาติในปีงบประมาณ 2564 นี้ กรมวิทย์จัดส่งตัวอย่างให้กับห้องปฏิบัติการที่สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก 250 แห่งทั่วประเทศ จำนวน 3 ครั้งต่อปี โดยตัวอย่างทดสอบที่ส่งให้สมาชิก คือ Human whole blood ซึ่งไม่มีความแตกต่างจากตัวอย่างคนไข้ในการปฏิบัติงานจริง โดยชุดตัวอย่างได้ถูกแบ่งบรรจุจัดเตรียมร่วมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจาก National GlycohemoglobinStandardization Program (NGSP) ในระดับ level I laboratory
ตัวอย่างที่ถูกแบ่งบรรจุแล้วตรวจสอบความเป็นเนื้อเดียวกัน (Homogeneity test) และความคงตัว (Stability test) โดยผ่านการวิเคราะห์ทางสถิติ ตามมาตรฐาน ISO13528 : 2015 ทำให้มั่นใจในความถูกต้องของชุดตัวอย่างและหากพบว่าผลการทดสอบของห้องปฏิบัติการสมาชิกไม่ถูกต้อง ทางคณะผู้ดำเนินการจะร่วมปรับปรุงจนสามารถให้ผลการตรวจที่ถูกต้องจากนั้นจะมอบประกาศนียบัตรให้กับห้องปฏิบัติการสมาชิกที่เข้าร่วมแผนทดสอบความชำนาญฯครบทั้ง 3 ครั้งและมีการรายงานผลตรงเวลา
“การเข้าร่วมแผนทดสอบความชำนาญจะทำให้ห้องปฏิบัติการสามารถนำข้อมูลไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพ การตรวจวิเคราะห์ให้มีความถูกต้อง แม่นยำ ทำให้ผู้รับบริการมั่นใจในผลการตรวจวิเคราะห์ สามารถตรวจติดตามสุขภาพและความเสี่ยงประชาชนทั่วไปและกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน ช่วยให้แพทย์ตัดสินใจให้การรักษาและปรับขนาดยาที่เหมาะสมได้อย่างถูกต้องส่งผลดีต่อการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานของประเทศไทย” นายแพทย์ศุภกิจ กล่าว