พัฒนาหลักสูตรลูกเสือใหม่

แทรกการเรียนรู้

 

พัฒนาหลักสูตรลูกเสือใหม่

 

          นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) แถลงข่าวและร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ (mou) โครงการพัฒนาหลักสูตรและการบริหารจัดการกิจกรรมลูกเสือเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต ร่วมกับ น.พ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมน์ศานติ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ศ.กิตติคุณ นพ.ดำรง เหรียญประยูร นายกสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย (สวท.) และผู้แทนสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ

 

          น.พ.ยงยุทธ กล่าวว่า ผลสำรวจจากสถาบันวิจัยรามจิตติ พบว่า เด็กไทยขาดทักษะการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย โดยมีพฤติกรรมเสี่ยงเพิ่มขึ้น 30-40% เสพสื่อลามกเป็นครั้งคราว 16-18% เล่นการพนัน 17% มีพฤติกรรมเที่ยวกลางคืน และกลุ่มเยาวชนระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา 36% เคยมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ให้ลึกลงไป ยังพบด้วยว่าจังหวัดใดที่มีอัตราการดื่มสุราของวัยรุ่นสูงก็จะมีอัตราการเสพสื่อลามก และการมีเพศสัมพันธ์สูง ตามผลการวิจัยเหล่านี้จึงสะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมเสี่ยงของวัยรุ่นนั้นเกิดจากการขาดทักษะการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการตัดสินใจ ทักษะการเผชิญหน้า จึงเกิดแนวคิดว่า ควรจะมีการพัฒนาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับทักษะชีวิต จึงหารือร่วมกับ สพฐ. และ สวท.เห็นว่าควรจะสอดแทรกเรื่องทักษะชีวิตในหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาลูกเสือ เพราะว่ากิจกรรมของลูกเสือจะเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียน สามารถนำเรื่องทักษะชีวิตไปประยุกต์ใช้ได้ โดยดำเนินการในรูปแบบของโครงการพัฒนาหลักสูตรและการบริหารจัดการกิจกรรมลูกเสือเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต และได้ทำการศึกษาพัฒนาหลักสูตรทักษะชีวิตดังกล่าวระยะเวลากว่า 1 ปีแล้ว จากนี้จะนำมาใช้นำร่องในสถานศึกษา และรอดูผลการประเมินโครงการในปีการศึกษา 2554 ต่อไป

 

          ด้าน ศ.กิตติคุณ นพ.ดำรง กล่าวว่า สวท.ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงการดูแลเรื่องของการวางแผนครอบครัว แต่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนก็เป็นภารกิจหนึ่ง โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งจากการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาหลักสูตรลูกเสือในช่วงปี 2550-2551 จาก 4 กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน นักเรียน และพ่อแม่ พบว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาหลักสูตรลูกเสือให้สอดคล้องกับบริบทในปัจจุบัน โดยเฉพาะการบูรณาการทักษะชีวิตเข้าไปสอดแทรก ดังนั้น จึงได้ร่วมพัฒนาคู่มือการจัดการกิจกรรมลูกเสือที่เน้นทักษะชีวิตที่มีเนื้อหาที่เหมาะสมกับ 3 ช่วงวัย แบ่งเป็น ลูกเสือสำรอง ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ และมีคู่มือการจัดกิจกรรมพร้อมด้วยสื่อภาพยนตร์ประกอบการสอนสำหรับครูด้วย ซึ่งจะแจกสื่อเหล่านี้ให้แก่ 26 โรงเรียนที่เป็นโรงเรียนนำร่องโครงการดังกล่าว

 

          นายชินภัทร กล่าวว่า หลักสูตรลูกเสือใหม่ที่สอดแทรกเรื่องของทักษะชีวิตเข้าไปนั้น จะเน้นการสอนให้เด็กและเยาวชนรู้ถึงโทษ และวิธีการหลีกเลี่ยง เพราะปัจจุบันเยาวชนเติบโตในสังคมที่มีสิ่งยั่วยุค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นจะต้องมีการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็ก ตระหนักรู้ และทั้งในเรื่องโทษจากยาเสพติด การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การก่อเหตุทะเลาะวิวาทว่าเป็นสิ่งไม่ดีไม่ควรทำ โดยนำกิจกรรมลูกเสือมาเป็นตัวนำในการสอนและพัฒนา อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าหากเรานำกระบวนการทักษะชีวิตมาพัฒนาให้เป็นผลดีก็จะช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นได้มาก และหากภายใน 1 ปีการศึกษาที่ทดลองในโรงเรียนนำร่องแล้วได้ผลดีก็จะมีการขยายผลการเรียนการสอนในโครงการนี้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

 

 

 

 

update : 16-09-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร

Shares:
QR Code :
QR Code