พฤติกรรมเสี่ยงตรวจหา HIV ฟรี
ที่มา : เว็บไซต์กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แฟ้มภาพ
“กรมควบคุมโรค” แนะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการรับเชื้อ HIV สามารถเข้ารับคำปรึกษาและตรวจหาการติดเชื้อได้ฟรีปีละ 2 ครั้งที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง ชี้เชื้อนี้ไม่ได้ติดต่อกันง่าย สามารถติดต่อได้แค่ 3 ทางเท่านั้น คือ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกัน และการติดต่อจากแม่สู่ลูก
นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่ากรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อ HIV ว่าเชื้อนี้ไม่ได้ติดต่อกันง่าย สามารถติดต่อได้แค่ 3 ช่องทางหลักเท่านั้นคือ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี การใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้มีเชื้อ HIV และการถ่ายทอดเชื้อ HIV จากแม่สู่ลูก
สำหรับประชาชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงหรือประเมินตนเองว่า มีโอกาสเสี่ยงต่อการรับเชื้อ HIV สามารถเข้ารับคำปรึกษาและตรวจหาการติดเชื้อได้ฟรี ปีละ 2 ครั้ง ที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง โดยใช้เพียงบัตรประชาชนที่มีเลข 13 หลักเท่านั้น และรับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสได้ฟรีตามสิทธิ เพื่อให้รู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง หากรู้ว่าติดเชื้อ HIV จะได้เข้ารับการรักษาทันที ทำให้วางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว เป็นการหยุดการแพร่ระบาดเชื้อ HIV ได้อีกทางหนึ่ง และที่สำคัญปัจจุบันการตรวจหาการติดเชื้อ HIV แบบทราบผลการตรวจในวันเดียว ทำให้ประหยัดเวลาและสามารถเริ่มการรักษาได้เร็ว จะทำให้มีสุขภาพดี ชีวิตยืนยาว เรียนหนังสือได้ ทำงานได้ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดนโยบาย มาตรการต่างๆ พร้อมผลักดันและส่งเสริมให้หน่วยงานในทุกระดับดำเนินการตาม 5 มาตรการสำคัญ คือ 1.ส่งเสริมให้ประชาชนรู้สถานะการติดเชื้อฯ และรับการรักษาแต่เนิ่นๆ โดยให้ความสำคัญของการใช้ยาต้านไวรัส PrEP (ยาเพร็พ) เพื่อป้องกันการติดเชื้อในกรณีที่มีพฤติกรรมเสี่ยง 2.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการถุงยางอนามัยและส่งเสริมภาพลักษณ์ถุงยางอนามัยอย่างต่อเนื่อง 3.พัฒนาการดูแลรักษาการติดเชื้อ HIV/ผู้ป่วยเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ได้มาตรฐานมีคุณภาพอย่างต่อเนื่องและขยายให้ทั่วประเทศ 4.ขยายการดำเนินงานให้หน่วยงานภาครัฐเป็นตัวอย่าง เพื่อป้องกันและบริหารจัดการด้านเอดส์ในสถานที่ทำงาน
โดยในปี 2560 นี้ ได้ตั้งเป้าหมายหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 120 หน่วยงาน และ 5.รณรงค์ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อนำสู่การป้องกันโรคที่ถูกต้องและมีทัศนคติที่ดี ไม่มีการรังเกียจและเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์
“ในโอกาสนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนให้ความสำคัญในการป้องกันตนเอง ดูแลสุขภาพ และรับผิดชอบตนเองและผู้อื่น โดยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หากต้องการคำปรึกษาเรื่องสุขภาพทางเพศ สามารถเข้ารับบริการได้ที่สถานพยาบาลและเครือข่ายบริการที่เป็นมิตรใกล้บ้าน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนปรึกษาเอดส์ โทร 1663 หรือที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422” นายแพทย์เจษฎา กล่าว