พระราชกรณียกิจด้านการศาสนา
พระราชกรณียกิจด้านการศาสนา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นพุทธมามกะ ดังจะเห็นได้จากการที่พระองค์ทรงผนวชในพระพุทธศาสนา และประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธศาสนา
พระองค์ทรงเสด็จออกผนวชเป็นเวลา ๒ สัปดาห์โดยเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๙ เวลาบ่ายโมงทรงผนวชโดยมีสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์สมเด็จพระสังฆราชเป็นพระอุปัฌาย์ พระศาสนโสภณเป็นพระกรรม วาจาจารย์และสมเด็จพระวันรัตเป็นผู้ถวายอนุสาสน์ทรงได้รับพระสมณนามจากพระ ราชอุปัธยาจารย์ว่า “ภูมิพโล” ทรงประทับที่พระตำหนัก ปั้นหยาในวัดบวรนิเวศวิหารและทรงลาสิกขาเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๙
ในระหว่างที่ทรงผนวช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระองค์ตามแนวทางแห่งพระ ภิกษุสงฆ์โดยทั่วไปอย่างเคร่งครัด ทรงลงพระอุโบสถทำวัตรและออกบิณฑบาตเป็นประจำทุกวันมิได้ขาด ซึ่งภาพที่พระองค์ทรงเป็นพระภิกษุและออกบิณฑบาตนั้นเป็นภาพที่ประทับใจพสกนิกรชาวไทยอยู่มิรู้ลืม
พระราชกรณียกิจในด้านการศาสนาที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำพระพุทธรูปปางมารวิชัยขึ้น เรียกว่า “พระพุทธนวราชบพิตร” เป็นพระพุทธรูปประจำรัชกาล โดยที่ฐานบัวหงายของพระพุทธนวราชบพิตรได้บรรจุพระพุทธรูปพิมพ์ “กำลังแผ่นดิน” หรือ “หลวงพ่อจิตรลดา” ไว้ ๑ องค์ สำนักพระราชวังได้วางระเบียบเกี่ยวกับพระพุทธนวราชบพิตรไว้ว่า เมื่อจังหวัดต่างๆ ได้รับ พระพุทธนวราชบพิตรไปแล้ว เมื่อใดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัดใด ก็ให้อัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตรมาประดิษฐาน เพื่อให้พระองค์ทรงสักการะด้วยพระพุทธนวราชบพิตร จึงเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งองค์พระเจ้าอยู่หัว เป็นศูนย์รวมแห่งความจงรักภักดีที่มีอยู่ทั่วประเทศไทย
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงให้การอุปถัมภ์แก่คณะสงฆ์ไม่เคยขาด เช่น การพระราชทานสมณศักดิ์แก่คณะสงฆ์ ดังจะเห็นปรากฎอยู่ในพระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นต้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงให้การทำนุบำรุงและบูรณะวัดต่างๆ เรื่อยมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกวัดราษฎร์ให้เป็นพระอารามหลวง ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปสร้างวัดญาณสังวราราม มหาวิหาร จังหวัดชลบุรี และวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก กรุงเทพมหานคร พร้อมกับทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์
นอกจากนี้ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์เพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ ที่ชำรุดทรุดโทรม และพระราชกรณียกิจที่สำคัญเกี่ยวกับการทำนุบำรุงพระศาสนาอีกประการ ในรัชกาลของพระองค์ คือ การสร้างพระพุทธมณฑล โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริจะจัดสร้างขึ้น เพื่อฉลองมงคลกาลสมัยที่พระพุทธศาสนามีอายุครบ ๒๕๐๐ ปี
ในวันวิสาขบูชา ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๐๐ ทางรัฐบาลมีมติเห็นชอบกับข้อเสนอของคณะกรรมการจัดงานเฉลิมฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ว่าควรมีการสร้างปูชนียสถานเป็นพุทธศูนย์กลางอุทยานทางพุทธศาสนา ดังนั้นจึงมีมติให้จัดสร้าง “พุทธมณฑล” ขึ้น ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกันระหว่าง อ. สามพราน และอ.นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และได้ถวายบังคมทูลอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปวางศิลาฤกษ์ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๔๙๘ และได้มีงานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่พระพุทธศาสนาดำรงมาครบ ๒๕ ศตวรรษ ในระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๐๐
การบำเพ็ญพระราชกุศล
สำหรับการบำเพ็ญพระราชกุศลในวันสำคัญทางศาสนานั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงปฏิบัติอยู่เป็นนิจ พระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญเป็นประจำทุกปี ในวันสำคัญทางศาสนาคือ
๑. วันมาฆบูชา
พระราชพิธีเนื่องในวันมาฆบูชาของพระเจ้าแผ่นดินในราชวงศ์จักรี เรื่มมาตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ โดยจะประกอบพิธีในบริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่หากเมื่อใดที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จไปยังสถานที่สำคัญทางศาสนาในหัวเมือง เช่น พระปฐมเจดีย์ พระพุทธบาท พระพุทธฉาย ก็จะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในมหาฤกษ์มาฆบูชาในสถานที่นั้นๆ
ครั้นในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่กองพระราชพิธี สำนักงานพระราชวังทำเทียนรุ่ง (เทียนที่จุดได้ตลอดคืน) ไปตั้งถวาย ณ ที่ประทับเพื่อทรงเจิม โดยพระราชทานให้แก่อารามหลวงใช้ในราชการบูชาพระรัตนตรัย เมื่อถึงวันมาฆบูชาในช่วงบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะเสด็จไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หากไม่ได้เสด็จด้วยพระองค์เองก็จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ พระองค์ใดพระองค์หนึ่งเสด็จเป็นผู้แทนพระองค์เป็นประจำเรื่อยมา
๒. พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรง พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรประจำฤดู
เมื่อคราวที่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกขึ้นครองราชย์ ได้ทรงสร้างบ้านเมืองใหม่และย้ายพระนคร ได้ให้มีการสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามไว้ในเขตพระราชวัง และทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานในพระอุโบสถแล้วทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเครื่องทรงสำหรับฤดูฝนและฤดูร้อนถวาย ครั้นต่อมาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเครื่องทรงสำหรับฤดูหนาวเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง
พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ถือเป็นพระราชพิธีที่สำคัญอีกพระราชพิธีหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเปลี่ยนเครื่องทรงเองเป็นประจำทุกปี โดยเครื่องทรงแต่ละประเภทนั้นจะเปลี่ยนในวันที่เปลี่ยนฤดู หากในคราใดที่ไม่ได้ทรงเสด็จไปด้วยพระองค์เอง ก็จะโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าพระบรมวงศ์เธอพระองค์ใดพระองค์หนึ่งเสด็จไปแทน
๓. วันวิสาขบูชา
วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญอักวันหนึ่งของชาวพุทธเรายึดถือกันมาช้านาน เพราะวันวิสาขบูชานั้นเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน พุทธศาสนิกชนจึงพร้อมใจกันทำพิธีสักการบูชาในวันนี้ พระมหากษัตริย์ไทยเองก็เช่นกัน ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันวิสาขบูชามาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย และได้มีพระราชพิธีนืเรื่อยมาจากอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์
พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันวิสาขบูชา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดเป็นพระราชพิธีสองวันติดต่อกันคือ เป็นงานวันตั้งเปรียญวันหนึ่ง และเป็นส่งของงานพระราชพิธีวิสาขบูชาอีกวันหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเริ่มเสด็จพระราชดำเนินในพระราชพิธีวิสาขบูชา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามด้วยพระองค์เองเป็นครั้งแรก เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๓
ในบางปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรมนอกพระนคร ก็จะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันวิสาขบูชา ณ วัดใกล้ที่ประทับแรม ส่วนในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชวงศ์ทรงปฏิบัติราชภารกิจแทนพระองค์ ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๐๕ เป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปบำเพ็ญพระราชกุศลตามสถานที่ต่างๆ เช่น พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม วัดพระมหาธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช วัดโสธรวรมหาวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นต้น นับแต่ พ.ศ. ๒๕๒๖ เป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่สำคัญๆ ทางศาสนา เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันวิสาขบูชาเป็นส่วนพระองค์เรื่อยมา โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จแทนพระองค์ เพื่อประกอบพระราชพิธีวิสาขบูชา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
๔. พระราชพิธีวันถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า
พระราชพิธีอัฎฐมีบูชา หรือพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า จะมีขึ้นในวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ หรือนับต่อเนื่องไปจากวันวิสาขบูชาอีก ๘ วัน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ พระราชพิธีนี้เป็นพระราชศรัทธาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันโดยเฉพาะ โดยทรงกำหนดให้เป็นพิธีหลวง และได้มีพระราชอุทิศเทียนรุ่งเพื่อบูชาพระรัตนตรัยให้แก่อาราม ๗ แห่ง
๕. พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันอาสาฬหบูชาและพระราชพิธีเข้าพรรษา
เป็นพระราชพิธีที่พัฒนามาจากพระราชพิธีหล่อเทียนพรรษา และฉลองเทียนพรรษาซึ่งมีอยู่แต่เดิม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดพระราชพิธีอาสาฬหบูชาเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นงานพระราชพิธี ๒ พระราชพิธีต่อเนื่องกัน
การหล่อเทียนพรรษาเป็นพระราชพิธีที่พระมหากษัตริย์ไทย ทรงปฏิบัติต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยการหล่อเทียนพรรษาจะมีขึ้นในเดือน ๗ ก่อนวันเข้าพรรษา และเมื่อหล่อเสร็จแล้จะนำไปถวายยังวัดต่างๆ ไว้สำหรับจุดบูชาพระรัตนตรัยตลอดช่วงเข้าพรรษา ในตอนต้นรัตนโกสินทร์นั้นจะหล่อเทียนด้วยสีผึ้ง จนกระทั่งถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกการหล่อเทียนด้วยสีผึ้งเสีย โดยมีพระกระแสรับสั่งให้ทำเป็นไม้ปั้นลายรักปิดทองแทน แล้วให้ทำเป็นตะกั่วสำหรับหยอดสีผึ้งลงไปสำหรับใช้จุดในวันแรกส่วนวันอื่นๆ นั้นให้ใช้การเติมน้ำมันลงไปแทน สำหรับเทียนสีผึ้งอย่างเก่าให้คงไว้เฉพาะที่วัพระศรีรัตนศาสดารามและวัดต่างๆ อีกเพียงไม่กี่แห่ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเนื่องในพระราชพิธีเข้าพรรษามาตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ จวบจนกระทั่งปัจจุบัน โดยจะพระราชทานเทียนพรรษาให้แก่วัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมือง รวมถึง ๖๔ วัด นอกจากนี้ยังทรงพระราชทานพุ่มเทียนให้แก่พระสงฆ์ โดยพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานพุ่มเทียน จะเป็นสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะ รองสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ พระเปรียญธรรม ๙ ประโยค และพระครูสัญญาบัตรตั้งแต่เจ้าอาวาสอารามหลวงชั้นตรีขึ้นไปกับพระนาคหลวง
๖. พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระกฐิน
เป็นพระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญมาเป็นประจำทุกปี เพื่อทรงพระอนุเคราะห์ให้หมู่สงฆ์ได้รับประโยชน์ในทางพระวินัย การถวายกฐินในปัจจุบันแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท ตามฐานะของวัดที่ได้รับพระราชทาน
๑. พระกฐินหลวง ได้แก่กฐินที่เสด็จไปถวายด้วยพระองค์เอง หรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชวงศ์ หรือองคมนตรีนำไปถวายให้แก่อารามหลวง
๒. กฐินพระราชทาน ได้แก่กฐินที่พระราชทานให้แก่กระทรวง ทบวง กรม องค์กร สมาคมหรือเอกชนนำไปทอดถวายพระสงฆ์ แก่พระอารามหลวงทั่วราชอาณาจักร นอกเหนือจากอารามหลวงดังกล่าวในข้อ ๑.
๓. กฐินต้นหรือกฐินส่วนพระองค์ คือพระกฐินที่เสด็จโดยพระองค์เองไปถวายแก่วัดราษฎร์เป็นส่วนพระองค์เอง
องค์อัครศาสนูปถัมภก
นอกจากจะทรงเป็นพุทธมามกะแล้วยังทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกอีกด้วยทรงอุปถัมภ์ศาสนาทุกศาสนา ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์ ดังจะเห็นได้จากการ ที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในงานฉลองครบรอบ ๕๐๐ ปี แห่งศาสนาซิกซ์ ตามคำ อัญเชิญของสมาคมศรีคุรุสิงห์สภา และในงานเมาลิดกลางของอิสลามิกชน
ศาสนาอิสลาม
ทรงสนับสนุนให้มีการแปลพระคัมภีร์อัลกุรอานมาเป็นภาษาไทย เมื่อปี ๒๕๐๕ เอกอัครราชทูตซาอุดิอารเบียทูลเกล้าฯ ถวายพระคัมภีร์อัลกุรอานฉบับภาษาอังกฤษให้แก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริแปลเป็นภาษไทย เพื่อพี่น้องชาวไทยมุสลิมจะได้เรียนรู้ และเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมทั้งสามารถนำไปประพฤติปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสรับสั่งกับจุฬาราชมนตรีว่า อัลกุรอานฉบับแปลจากภาษาอังกฤษมีเยอะแล้ว ทรงอยากให้จัดทำฉบับจากต้นฉบับเดิมขึ้น จุฬาราชมนตรี จึงสนองพระราชกระแสรับสั่งไปจัดทำจนแล้วเสร็จ โดยได้คำนึงถึงพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสองประการ คือ
๑. การแปลพระคัมภีร์อัลกุรอานเป็นภาษาไทย ขอให้แปลอย่างถูกต้อง
๒. ขอให้ใช้สำนวนเป็นภาษาไทยที่สามัญชนทั่วไปอ่านเข้าใจได้
เสด็จพระราชดำเนินงานเมาลิดกลาง งานเมาลิด คือ งานเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพของพระบรมศาสดานบีมูฮัมหมัด ซึ่งชาวมุสลิมทั่วโลกจะจัดงานที่ระลึกขึ้น ในประเทศไทยก็จะมีการจัดขึ้นตามจังหวัดต่างๆ ที่มีพี่น้องชาวมุสลิมอาศัยอยู่หนาแน่น ในส่วนกลางจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร มีชาวมุสลิมเดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก
พระราชทานรางวัลโล่เกียรติคุณ และเงินรางวัลแก่ผู้นำศาสนาอิสลาม (อิหม่าม) ในงานเมาลิดกลาง เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่เสด็จพระราชดำเนินไปร่วมในพิธี ก็จะมีการพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัลแก่ผู้นำศาสนาอิสลามประจำมัสยิดต่างๆ ด้วย
ทรงมีพระราชดำริให้มีการสนับสนุนการจัดสร้างมัสยิดกลางประจำจังหวัดขึ้น โดยให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณแผ่นดินสำหรับจัดสร้าง ขณะนี้ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วใน ๔ จังหวัดภาคใต้ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประธานในพิธีด้วยพระองค์เอง
ศาสนาคริสต์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ทอดพระเนตรภาพยนตร์การกุศลที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิก จ. เชียงใหม่ โรงพยาบาลแห่งนี้ พระบาทสมเด็จมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชนก ทรงเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นแพทย์ นอกจากนี้ยังเสด็จเยี่ยมโรงเรียน โรงพยาบาลต่างๆ ที่เป็นของศาสนาคริสต์อีกด้วย
ที่มา : สำนักข่าวเจ้าพระยา
Update : 02-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : นพรัตน์ นริสรานนท์