“ผู้เฒ่าไร้สัญชาติ” พลเมืองเอื้อมไม่ถึงรัฐ
เส้นแบ่งดินแดนเป็นเพียงสิ่งสมมติ แสดงอาณาเขตความเป็นประเทศ แต่ความเป็นคนนั้นไม่มีเส้นเขตแดนใดจะแบ่งได้
ในพื้นที่ห่างไกลจากเขตเมืองที่ความเจริญเพิ่งเข้าไปถึงไม่กี่สิบปี ยังมีประชาชนอีกจำนวนมาก ที่ทำมาหากิน มีลูก มีหลานบนแผ่นดินไทย บุกเบิกการเกษตรพืชเศรษฐกิจหลายชนิด แต่จนแล้วจนรอดเขาเหล่านี้ก็ยังคงเป็นได้เพียงคนไร้สัญชาติ คนไร้รัฐ ในทางกฎหมาย เพียงแค่เขาเหล่านี้เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐ ทำให้ไม่สามารถเป็นคนไทยได้โดยสมบูรณ์ ขาดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นสิทธิการศึกษา การรักษาพยาบาล การเดินทาง การถือครองทรัพย์สิน การขอสถานะ กระบวนการยุติธรรม การก่อตั้งครอบครัว
ปัญหาคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ เป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกิดจากความผิดพลาดหลายอย่างสะสมมาในอดีต จากการเดินทางขึ้นเขาคดเคี้ยวห่างไกล บนดอยแม่สลอง บริเวณบ้านใกล้ฟ้า มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) และโครงการเครือข่ายสุขภาวะชุมชนชายขอบ จากการสนับสนุนของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นำสื่อมวลชนลงพื้นที่บ้านป่าคาสุขใจ ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ร่วมงาน วัน ผู้เฒ่าไร้สัญชาติ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2556 ซึ่งมีผู้เฒ่าจาก 11 กลุ่มชาติพันธุ์ ในจ.เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน กว่า 300 คน เข้าร่วม
พ่อเฒ่าแม่เฒ่าเหล่านี้แต่ละคนอาศัยอยู่บนแผ่นดินไทยมาช้านาน โดยเดินทางข้ามไปมาในแถบภูเขาสูง ซึ่งตามธรรมชาติก็จะมีเพียงยอดดอย ป่าไม้ ขุนเขา ไม่ได้มีประตูหรือเส้นดินแดนบ่งชี้ แต่การตั้งถิ่นฐานถาวรในเขต แดนไทยนั้น แต่ละคนมีหลักฐานการอยู่มากว่า 30-40 ปี เพียงแต่ไม่มีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งทั้งประเทศคาดว่าจะมีกลุ่มที่ตกหล่นจากการสำรวจและออกเอกสารราว 3-4 หมื่นคน
จากการออกสำรวจด้วยการลงพื้นที่ต่างๆ นางเตือนใจ ดีเทศน์ ประธานมูลนิธิ พชภ. กล่าวว่า ปัญหาผู้เฒ่าไร้สัญชาติโดยโครงการสำรวจข้อมูลผู้เฒ่าชุมชนในพื้นที่ 3 จังหวัด 6 อำเภอ 32 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.เชียงราย ในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง อ.เชียงของ อ.เชียงแสน และอ.เวียงแก่น จ.เชียงใหม่ ในพื้นที่ อ.แม่อาย และ จ.แม่ ฮ่องสอน พื้นที่อ.แม่สะเรียง พบว่า มีผู้เฒ่าที่มีปัญหาเรื่องสัญชาติ 1,411 ราย
แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.ผู้เฒ่าถือบัตรสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือรอแปลงสัญชาติ 176 คน 2.ผู้เฒ่าที่เข้ามาอยู่นานถือบัตรรหัสหัว 6 หรือผู้รอยื่นสถานะเข้าเมืองโดยถูกกฎหมาย 726 คน 3.ผู้เฒ่าถือบัตรบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือบัตรเลข 0 จำนวน 104 คน 4.ผู้เฒ่าตกหล่นจากทะเบียนราษฎร 376 คน และ 5.ผู้เฒ่าถือบัตรแรงงานต่างด้าว หรือบัตรเลข 00 จำนวน 29 คน
พบว่ามีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ส่วนมากเป็นกลุ่มบุคคลที่ได้อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในรัฐไทยนานแล้ว แต่ขาดจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศต้นทางที่ตนเองเกิด แต่กลับพบจุดเกาะเกี่ยวและความกลมกลืนเข้ากับวิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมกับรัฐไทย เพราะอยู่ที่รัฐไทยมานาน
ปัญหาคือรัฐไทยมีนโยบายกำหนดให้ผู้เฒ่าที่เคยได้รับการสำรวจได้รับสิทธิให้อาศัยอยู่ชั่วคราวในรัฐไทยเป็นกรณีพิเศษ โดยอาศัยมาตรา 17 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 แต่ไม่มีการพัฒนาสถานะของกลุ่มผู้เฒ่าเหล่านี้ ทำให้มีสิทธิเพียงการอาศัยอยู่ในรัฐไทยชั่วคราวเท่านั้น จนเป็นเหตุให้ผู้เฒ่ากลุ่มนี้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้
การสำรวจยังพบว่า ผู้เฒ่าที่ถือบัตรประจำตัวคนต่างด้าว มีมากที่สุดเกือบ 56 เปอร์เซ็นต์ บางคนอยู่ประเทศไทยนานกว่า 30 ปี และมากสุดถึง 60 ปี โดยถือบัตรประจำตัวต่างด้าวเข้าเมืองถูกกฎหมายตั้งแต่ปี 2546 แต่แปลงสัญชาติไม่ได้ เนื่องจากเกณฑ์ประกอบดุลพินิจของรมว.มหาดไทย มีการแก้ไขและกำหนดไว้ว่าต้องมีรายได้เดือนละ 20,000-40,000 บาท ต้องมีใบจ้างงาน มีหลักฐานการเสียภาษี
เกณฑ์ดังกล่าวทำให้พ่อเฒ่าแม่เฒ่า ไม่มีวันได้สัญชาติอย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรม จักสาน การเข้าถึงสิทธิพื้นฐานที่พึงมีง่ายๆ แค่การเดินทางไป ร.พ.ก็เป็นเรื่องยากแล้ว คนกลุ่มนี้แม้มีบัตรต่างด้าวอย่างถูกกฎหมาย อยู่ในเมืองไทยมานาน แต่น้อยคนที่จะสื่อสารด้วยภาษากลางได้คล่องแคล่ว จึงต้องกลายเป็นพลเมืองที่อาศัยอยู่ด้วยความกลัวไปตลอด
อาผี่ หมี่หน่อง แม่เฒ่าวัย 92 ปี ยังแข็งแรงและเป็นผู้ถ่ายทอดวัฒนธรรมชนเผ่า เป็นกลุ่มแรกๆ ที่อพยพถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่บ้านคาสุขใจ ถูกจัดให้เป็นคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ซึ่งไม่มีตัวตนทางกฎหมายของประเทศใดๆ แม่เฒ่าอาศัยอยู่ในเมืองไทยราว 34 ปี และจะฝังร่างตนเองในแผ่นดินไทยเป็นแห่งสุดท้าย ด้วยสุขภาพที่โรยรา การเดินทางไปหาหมอแต่ละครั้งเป็นเรื่องใหญ่ทั้งค่าใช้จ่าย การเดินทาง จึงทำได้แค่น้อยใจว่ารัฐคงคิดว่าไม่ช้าไม่นานแม่เฒ่าก็คงจากโลกนี้ไปลำพัง จึงไม่มีสิทธิใดๆ ให้แก่เธอ
อาบออาแม ผู้เฒ่าคนเหล็กแห่งป่าคาสุขใจ ชาวอาข่า อายุ 62 ปี ซึ่งรอการแปลงสัญชาติเป็นคนไทยมาแรมปี เป็นผู้หาเลี้ยงชีพด้วยการตีเหล็ก เครื่องเงินหัตถกรรมของชนเผ่า พ่อเฒ่าถือใบประจำตัวต่างด้าวมากว่า 10 ปี สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีสิทธิอาศัยอยู่ถาวรในรัฐไทย
อาบออาแมเล่าว่า ถ้าไม่สบายแต่ก่อนก็จะเสียค่าใช้จ่ายมากเพราะต้องให้คนแบกไป ถนนหนทางก็ยังไม่ดี ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะเลือกหมอทรง หมอผี ก่อนที่จะไปหาหมอในเมือง ปัจจุบันการเดินทางสะดวกขึ้น แต่สิ่งที่พบคือการถูกเรียกตรวจแล้วตรวจอีก สร้างความกังวลใจให้พ่อเฒ่าที่รู้ภาษากลางเพียงเล็กน้อย
นางยิ่ง แซ่ย่าง ผู้เฒ่าเผ่าม้งวัย 80 ปี จากดอยยาวผาหม่อน อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย สาธิตวิธีการเป่าใบไม้เพื่อใช้สื่อสารข้ามเขตดอยของชาวม้ง ซึ่งภูมิ ปัญญานี้กำลังใกล้สูญหายไป แม่เฒ่าอยู่เมืองไทยมาตั้งแต่เกิด มีลูก 4 คน และได้บัตรประชาชนหมดแล้ว แต่ตนเองกลับไม่ได้สิทธิ เพราะการเดินทางไปขึ้นทะเบียนในอดีตเป็นเรื่องยาก จนทุกวันนี้สุขภาพไม่ดีและไม่มีสิทธิใดๆ มารองรับ
ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ทำให้คนกลุ่มนี้ถูกมองว่าเป็นคนกลุ่มเล็กๆ จนบางครั้งดูเหมือนถูกละเลยทอดทิ้ง และการไม่มีสถานะทางกฎหมาย ทำให้คนเหล่านี้ไม่มีสิทธิตามหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และยังมีปัญหาทางสุขภาพเปลี่ยนไป จากเดิมที่พบโรคทางเดินหายใจ ถุงลมโป่งพอง โรคปวดข้อกระดูก โรคกระเพาะ มาเป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวานมากขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อปัญหาอัมพฤกษ์ อัมพาตด้วย
การเดินทางที่ยาวนานจึงยังไม่สิ้นสุด
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด โดย เมธาวี มัชฌันติกะ