ผู้เชี่ยวชาญยัน ดื่มนมมีประโยชน์-ไม่ทรมานสัตว์
ที่มา : แนวหน้า
แฟ้มภาพ
จากอดีตถึงปัจจุบันประเทศไทย มีการส่งเสริม รณรงค์ให้เด็กไทยหันมาใส่ใจกับการดื่มนมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พ่อแม่ ปลูกฝังให้ลูกหลานตนเองดื่มนมทุกวัน ไม่ว่าจะตอนตื่นนอน จนก่อนนอน เพราะนมมักจะมีความสำคัญทางสารอาหารที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง เพราะนม คือ หนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจกับสุขภาพ
แต่ก็มีกลุ่มที่ออกมาต่อต้านบนโลกโซเชียลว่า การดื่มนมไม่ว่าเด็กหรือผู้สูงอายุ หากดื่มนมจากโคที่ถูกทรมาน นมสดที่ได้จากโคนั้น เป็นนมไม่ดีและไม่ควรดื่ม แคลเซียมในนมได้มาจากกระดูกโค การดื่มนมเป็นประจำเป็นการชี้นำให้เด็กและผู้สูงอายุว่าไม่ควรดื่มนม
สมาคมนิสิตเก่าสัตวแพทย์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวโต้กรณีการดื่มนมดังกล่าวประเด็น "นม อาหารหรือยาพิษ" โดยนายเกียรติศักดิ์ ตันเจริญ รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า นมจากฟาร์มจะต้องผลิตออกมาดีตั้งแต่แรก เพราะจะได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ รวมถึงการเลี้ยงโคของบ้านเรามาจากเกษตรกรและมีกระบวนการคัดกรองที่เข้มข้น และการเลี้ยงดูโคนมมาจากความรัก และให้อาหราจากธรรมชาติ หญ้ากับฟาง เพราะอาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โคมีนมที่ดี ซึ่งหากพบมีสารปนเปื้อนก็จะถูกจับและปรับ กว่านมจะถึงมือผู้บริโภคต้องผ่านการคัดกรองเป็นอย่างดี โดยในปี 2563 จะผลักดันให้นมได้มาตรฐาน ซึ่งสุขภาพสัตว์ก็เป็นสิ่งจำเป็น เกษตรกรทราบดีอยู่แล้ว การเลี้ยงโคนมส่วนมากเป็นเกษตรกร ไม่ใช่นักธุรกิจ ส่วนการผสมเทียมเป็นการทรมานสัตว์หรือไม่ เป็นเรื่องปกติที่ทำกันทั่วโลก เราไม่ได้ไปทรมานสัตว์แต่อย่างใด ไม่การวางยาสลบ และการผ่าตัดแต่อย่างได
ด้าน ศาตราจารย์ ดร.วิสิฐ จะวะสิต อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า สำหรับมาตรฐานในการผลิตนมในประเทศไทย มีการเช็คคุณภาพนมมาตั้งแต่นมดิบแล้ว ซึ่งหากนมดิบไม่มีคุณภาพก็จะไม่ผ่าน ส่วนการแปรรูปนมนั้นเรามีมาตรฐานที่สูงอยู่แล้ว ส่วนการขนส่งต้องเข้าใจว่าอากาศร้อนในประเทศไทย ต่างจากประเทศอื่นไม่ได้เกิดนมแต่อย่างใด แต่เราจะต้องทำอย่างไรที่จะรักษาคุณภาพให้ได้ดี ซึ่งจะทำอย่างไรให้ปลอดภัยมากขึ้น หากจะตั้งโรงงานนมออกมาไม่มีคุณภาพไม่ได้ เพราะทางอย.มีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องดูแลคือการเก็บรักษาคุณภาพมากกว่า
ขณะที่ นายฐนิต จะวะสิต สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มีคนบอกว่าดื่มนมแล้วทำให้เลือดเป็นกรดทำให้เป็นด่างมากขึ้นทำให้เกิดเป็นโรคกระดูกพรุน และเกิดโรคมะเร็งได้ง่ายขึ้น ไขมันอิ่มตัวจากนมเกิดหัวใจวาย ทั้งนี้ การดื่มนมไม่ทำให้เลือดเป็นกรดและไม่ทำให้สมดุลของร่างกายเปลี่ยน นมไม่ได้ทำให้กรดในร่างกายเพิ่มมากขึ้น ดื่มนมไม่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนแน่นอน และนมไม่ได้ทำให้เกิดมะเร็ง เพราะการดื่มนมแล้วไม่ได้ทำให้การอักเสบในร่างกายเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนมไม่ได้ทำให้เกิดมะเร็งแล้วยังช่วยไม่ให้เกิดมะเร็งในลำไส้อีกด้วย ไขมันอิ่มตัวในนมไม่ได้ทำให้ ส่วนการดื่มนม low fat ทำให้ลดโรคหลอดเลือดสมองลดลง คนที่ดื่มนมตั้งแต่เด็กจนโตจะทำให้มวลกระดูกเยอะกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มนมตั้งแต่เด็ก หรือเพิ่งจะมาดื่มตอนโต ถึงแม้ว่านมถั่วเหลืองจะมีคุณค่าพอๆ กับนมโค แต่แคลเซียมจากนมโคมากกว่าแน่นอน
“เราจะแบ่งเป็น 3 ช่วงวัย ประกอบด้วย 1.วัยเด็ก หรือวัยรุ่นตอนต้น แนะนำให้ดื่มนมวันละ 2-3 แก้ว โดยจะเน้นนมที่เป็นไขมันเต็มส่วน เพราะจะได้รับไขมันที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และการสร้างสิ่งต่างๆ ของร่างกายด้วย 2.หญิงตั้งครรภ์ แนะนำให้ดื่มวันละ 2-3 แก้วต่อวัน แต่จะต้องดื่มนมสลับกับการกินอาหารที่มีแหล่งแคลเซียมอื่นๆ เช่น ปลาเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ เต้าหู้แข็ง 1 ก้อน จะให้แคลเซียมที่ค่อนข้างเท่าๆ กับนม และแนะนำให้กินอาหารที่หลากหลายด้วย และ3. ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ แนะนำให้ดื่มนมวันละ 1-2 แก้วต่อวัน หากมีปัญหาเรื่องไขมันในเลือดสูงก็จะแนะนำให้ดื่มนมที่มีไขมันต่ำ ก็จะช่วยให้ได้สารอาหารที่เป็นแคลเซียม วิตามิน ต่างๆ เนื่องจากพลังงานไม่สูงเกินไป ทั้งนี้ หากเราดื่มนมในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้รับประทานอาหารอื่นๆ น้อยลง เราก็จะได้รับสารอาหารจากแหล่งอาหารอื่นๆ น้อยไปด้วย” นายฐนิต กล่าว
ด้าน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงโค “รศ.ดร.ศรเทพ ธัมวาสร” ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันรวมทั้งในอดีตที่ผ่านมาไม่มีการทารุณสัตว์ เพราะว่าในแต่ละครอบครัวพ่อ แม่ และลูก จะเลี้ยงโค ประมาณ 20 กว่าตัว จะมีความผูกพันกับโคที่เขาเลี้ยงมาก เช้าให้อาหาร รีดนม และปล่อยให้เดินเที่ยวในสวน ตอนเย็นก็เรียกกลับมา เกษตรกรดูแลโคเหมือนกับลูกในบ้าน ไม่มีการตีหรือทารุณใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนอาหารของโคนั้นก็จะหาอาหารที่มีคุณภาพดีมาให้กิน เพราะหากให้อาหารที่ไม่ดีไม่มีคุณภาพน้ำนมที่ออกมาก็จะไม่มีคุณภาพไปด้วย ในเมื่อเลี้ยงโคแล้วไม่ได้น้ำนม เกษตรกรก็จะไม่ได้เงิน
“อาหารที่มีคุณภาพต่างๆ ก็ต้องปราศจากสารต่างๆ ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง และโรคอื่นๆ ที่ส่งผลทางลบต่อผู้บริโภค โดยความจริงแล้วไม่มีทางที่จะเป็นอย่างนั้นได้ แต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ทราบว่าการดื่มนมแล้วจะทำให้มีโรคต่างๆ นั้นมาได้อย่างไร ผมเป็นนักวิชาการมา 40 กว่าปี ไม่เคยได้ยิน ผมจึงขอปฏิเสธว่าไม่มีการเลี้ยงโคอย่างที่มีคนปล่อยข่าวว่าได้ทารุณจนได้นมมาไม่จริงแน่นอน เพราะฉะนั้นคนที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทารุณสัตว์ เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงโคดีพอ ผมยืนยันว่าการดื่มนมนั้นมีประโยชน์มากกว่าโทษ เพราะว่าขนาดต่างประเทศที่เขาเจริญแล้วเขาก็ดื่มนมกัน ทั้งนี้ เราได้นำพันธุ์วัวที่มีคุณภาพเข้ามาปรับเพื่อเลี้ยงในประเทศไทย เพราะฉะนั้นไม่ใช่วัวอะไรก็ได้ที่จะได้นม ต้องเป็นโคที่มีการคัดเลือกผ่านมาตรฐานแล้วเท่านั้น และสิ่งที่เรามีอยู่ทุกวันนี้คือของดี ที่ต่างประเทศยอมรับ”รศ.ดร.ศรเทพ กล่าว
ประโยชน์ของนมโค คือ ช่วยบำรุง และเสริมสร้างกระดูก อย่างที่ทราบน้ำนมมีแคลเซียมที่ดีต่อระบบกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน โรคกระดูกเปราะ
ป้องกันฟันผุ “ฟัน” ก็เป็นกระดูกของร่างกายเช่นกัน เพราะฉะนั้น “แคลเซียม” ก็จะส่งผลโดยตรงกับ “ฟัน” ผู้ดื่มแน่นอน เพราะเป็นกระดูกส่วนแรงที่ “น้ำนม” จะบำรุงให้เรา
ห่างไกลโรคมะเร็ง โดยเฉพาะโรคมะเร็งที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร ซึ่งจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงเท่านั้น ที่สำคัญหากเป็นคุณผู้หญิง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็น “โรคมะเร็งเต้านม” ได้อีกด้วย
ป้องกันโรคหัวใจ เมื่อดื่มนมเป็นประจำ เราจะได้รับ “แคลเซียม” ที่เพียงพอต่อวัน และ “ไขมัน” ในนม ซึ่งเป็นไขมันดี จะช่วยลดไขมันอิ่มตัวในเลือดได้ดี ซึ่งเป็นสาเหตุของ “โรคหัวใจ” และ “หัวใจวายเฉียบพลัน” ได้
บำรุงกล้ามเนื้อ นอกจากออกกำลังกาย การดื่มนมจะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและเจริญเติบโตมาขึ้น เห็นได้ชัดว่าทำไม “นักกีฬา” มักจะดื่มนมเป็นประจำ
ป้องกันโรคเครียด ตัวน้ำนมมีแร่ธาตุ และวิตามินต่างๆมากมาย หากดื่มน้ำอุ่นๆ เพียงวันละ 1 แก้ว สามารถช่วยลดความเครียด ระบบประสาทผ่อนคลาย บำรุงสมอง และช่วยลดอาการซึมเศร้าลงได้
บรรเทาอาการปวดประจำเดือน ช่วงมีประจำเดือน คุณผู้หญิงหลายคนมากจะปวดท้อง เมื่อยตามตัว แต่หากดื่มน้ำเป็นประจำจะช่วยบรรเทาอาการปวด และผ่อนคลายขึ้น
ตัวช่วยลดน้ำหนัก โดยส่วนใหญ่มักคิดว่า “นม” เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่โดยความเป็นจริง “น้ำนม” มีไขมันอยู่ก็จริง แต่เมื่อเทียบกับเปอร์เซ็นต์ไขมันที่อยู่ในอาหารประเภทอื่นๆ ถือว่าไขมันใน “น้ำนม” น้อยมาก (กรณีนมจืดเท่านั้น เพราะปัจจุบันมักจะมีนมรสชาติหวานมากมายที่ผสมน้ำตาลลงไป จึงทำให้น้ำหนักเพิ่ม หรืออ้วนขึ้นนั้นเอง)