ผู้หญิงอีสานกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชน

การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้หญิงไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมเท่ากับผู้ชาย โดยเฉพาะลักษณะการดื่มแบบเมาอาละวาด ควบคุมพฤติกรรมไม่ได้ และการดื่มเพื่อต้องการความคึกคะนอง แก้กลุ้ม และวู่วามต่อต้านสังคมจะพบได้น้อยในกลุ่มผู้หญิง เพราะในครอบครัวไทยมีคำสอนที่ปลูกฝังลูกผู้หญิงไว้ว่า “ผู้หญิงที่ดื่มเป็นผู้หญิงไม่ดี” หรือ “เป็นลูกผู้หญิงไม่ควรดื่มเหล้าดื่มเบียร์ เพราะ เหล้า/เบียร์เป็นเรื่องของผู้ชาย” 

ผู้หญิงอีสานกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชน

การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในผู้หญิงจึงไม่ค่อยเป็นประเด็นของสังคม หรือของชุมชนท้องถิ่น ประกอบกับการรณรงค์ส่วนใหญ่เราก็จะทำการรณรงค์ให้ผู้ชายเลิกดื่ม เพราะเป็นกลุ่มที่ดื่มมากและดื่มหนัก สำหรับผู้หญิงเราจะสื่อสารข้อมูลออกไปในฐานะของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ผลกระทบต่อความรุนแรงในครอบครัวที่ส่วนใหญ่ผู้ชายที่มีพฤติกรรมดื่มหนัก จะเป็นฝ่ายกระทำต่อผู้หญิงและเด็ก และปัญหาความรุนแรงทางเพศ

ในทางกลับกัน ปัจจุบันนี้การดื่มของกลุ่มผู้หญิงและวัยรุ่นหญิงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น การศึกษาของ ศิริพร จิรวัฒน์กุล (2553) ระบุว่า สาเหตุของการดื่มสุราของผู้หญิงเป็นเพราะต้องการได้รับการยอมรับว่า เป็นคนมั่นใจ การดื่มสุราทำให้สนุกสนาน และทำให้มีร่างกายสมส่วนและมี “สุขภาพดี” หรือผู้หญิงบางคนใช้การดื่มเป็นการหลีกเลี่ยงความทุกข์ และที่สำคัญสังคมยอมรับการดื่มของผู้หญิงมีมากขึ้น การดื่มแอลกอฮอล์ของผู้หญิงเป็นพฤติกรรมที่มีผลจากสภาพแวดล้อมทางครอบครัว สังคม วัฒนธรรม และ เศรษฐกิจ

สิ่งที่น่าสังเกตคือ อัตราการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รายงานการศึกษาของ สุวิทย์ วิบูลผลประเสริฐ และคณะ (ปี พ.ศ. 2548) ระบุว่า จำนวนของผู้หญิงที่ดื่มเพิ่มมากขึ้น และผู้หญิงที่ดื่มมีอายุน้อยลง กล่าวคือ ผู้ใหญ่ชายดื่มร้อยละ 60.8 ส่วนผู้ใหญ่ผู้หญิงดื่มร้อยละ 14.5 เยาวชนชายดื่มร้อยละ 25.5 และเยาวชนหญิงดื่มร้อยละ 14.5 ทั้งนี้ผู้หญิงในชนบทดื่มมากกว่าผู้หญิงที่อยู่ในเมือง (สาวิตตรี 2552)

โครงการป้องกันการเข้าถึงและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกลุ่มผู้หญิงในชุมชนอีสาน ดำเนินงานโดยมูลนิธิขวัญชุมชน จังหวัดสุรินทร์ โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เห็นความสำคัญของสถานการณ์ดังกล่าว และริเริ่มที่จะหาแนวทางในการทำงานเชิงลึกเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มประชากรเฉพาะ เช่นกลุ่มผู้หญิงที่มีพฤติกรรมดื่มประจำ และทำความเข้าใจเส้นชีวิตในการดื่มของผู้หญิง

โดยโครงการดังกล่าวมีพื้นที่การทำงานนำร่อง 5 ตำบล 5 จังหวัดประกอบด้วย ต.จานลาน (รพสต.จานลาน) อำเภอพนา จังหวัดอำนาจเจริญ, ต.ทุ่ม (รพสต.บ้านโนนแกด) อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ, ต.จารพัต (รพสต.จารพัต) อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์, ต.กระสัง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ และ ต.ธวัชบุรี อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด โดยทั้ง 5 ตำบลนี้ จะเป็นภาคีเครือข่ายที่มาร่วมกันหาสาเหตุว่าทำไมผู้หญิงในชนบทจึงดื่ม ผู้หญิงมีปริมาณการดื่มเป็นอย่างไร และแนวทางที่จะสนับสนุนบริการที่เป็นมิตรเพื่อลดการดื่มของผู้หญิงควรทำอย่างไร

เมื่อวันที่ 23 – 25 กันยายน 2554 ที่ผ่านมา มูลนิธิขวัญชุมชน จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อวางแผนการทำงานเชิงลึกร่วมกับแกนนำสตรีและองค์กรพี่เลี้ยง (เครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพแต่ละตำบลนำร่อง) จำนวน 30 คน ณ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีทีมวิทยากรประกอบด้วย รศ.อรทัย อาจอ่ำ มหาวิทยาลัยมหิดล, อาจารย์ธวัช มณีผ่อง คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลฯ และ คุณจะเด็จ เชาว์วิไล มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มาช่วยสรุปบทเรียนแบบเสริมพลังและเปิดมุมมองในการทำงานมิติใหม่ๆ ในชุมชน

คุณจะเด็จ เชาว์วิไล คุณจะเด็จ ให้ข้อมูลสถานการณ์การดื่มของผู้หญิงในภาคเมืองและภาคอุตสาหรกรรมการผลิต จากประสบการณ์ของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลพบว่า อัตราการดื่มที่เพิ่มขึ้นตอนนี้ คือ ผู้หญิงและวัยรุ่น มีงานวิจัยของศูนย์วิจัยปัญหาสุราและประสบการณ์การทำงานของมูลนิธิฯ พบว่า สาเหตุที่ผู้หญิงดื่มและหันมาดื่มหนักเพราะมาจากความเครียด ซึ่งความเครียด ที่เกิดขึ้นในผู้หญิงส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นเรื่องครอบครัว สามี และลูก 

ที่ผ่านมาเราทำงานเปิดประเด็นเรื่องผู้หญิงท้องไม่ดื่มเพราะเราพบกรณีปัญหา ที่คนท้องดื่มแล้วลูกเป็นออทิสติก เป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ ส่วนเด็กวัยรุ่นหญิงที่ดื่มมีอัตราการถูกคุกคามทางเพศสูงขึ้น และกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทธุรกิจแอลกอฮอล์ตอนนี้ก็ใช้ผู้หญิงเป็นกลุ่มเป้าหมาย ทั้งเป็นผู้ซื้อและผู้ทำหน้าที่ส่งเสริมการขาย 

สิ่งที่คาดหวังจากโครงการนี้ก็คือ การศึกษาเพื่อหาวิธีการทำงานเพื่อจะนำไปสู่การรณรงค์ให้ค่อยๆ ลดการดื่มลงและหาแนวทางส่งเสริมให้ผู้หญิงหันมาใส่ใจ เรื่องสุขภาพของตัวเองมากขึ้น

รศ.อรทัย อาจอ่ำ

รศ.อรทัย ให้ข้อคิดเห็นที่สำคัญสำหรับคนทำงานกล่าวคือ เวลาที่พวกเราทำงานในชุมชน อยากให้พวกเราระวังกับความคิด ความเชื่อของเราเองที่มักจะด่วนสรุป แล้วมันก็จะนำไปสู่การตัดสินหรือตีตราผู้ที่ดื่มและผู้ที่ขาย การทำงานจะสำเร็จได้ต้องเข้าใจเขาอย่างที่เขาเป็น เวลาทำงานก็ต้องมีความสุข มีความม่วนอกม่วนใจ 

“มันมีเหตุผลมากมายที่คนหันมาพึ่งเหล้า อาจารย์อยากเห็นกระบวนการทำงานของเราที่จะไม่ไปตัดสินหรือตีตรา มีการพูดคุยแบบไดอะล็อค มีกระบวนการที่แยบคายและให้เห็นพลังด้านบวก คือศักยภาพของคน และองคาพยพภายในชุมชน  เพราะมันมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน” อาจารย์อรทัย กล่าว

อาจารย์ธวัช มณีผ่องส่วนอาจารย์ธวัช ได้ให้มุมมองใหม่ในการทำงานชุมชน โดยเริ่มจากคนที่จะทำงานกับชุมชนต้องมีแว่นตาอย่างน้อย 5 ยี่ห้อ คือ

1. แว่นตาตราคน มองคนให้เป็นคนมากที่สุด มีทั้งมุมมองแบบนักมนุษยวิทยา, วัฒนธรรมชุมชน, ความคิดของคน, ความเชื่อของคน, คุณค่าต่อสิ่งต่างๆ มีภูมิปัญญา และมองให้เห็นวิถีชีวิตของคนแต่ละคน ในแต่ละชุมชน ก็จะมีบริบทที่แตกต่างกัน

2. แว่นตาตราน้ำ มีความพร้อมที่จะเคลื่อนไหวแบบน้ำ ปรับตัว ลด ย่อ ขยาย หรือ ยืดหยุ่น ในที่นี่หมายถึงอัตตาตัวตนด้วย และเปิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือปรับตัวไปตามเหตุ – ปัจจัย

3. แว่นตาตราสับปะรด มีความไวต่อความหลากหลาย เข้าใจว่าคนมีความซับซ้อน และมีมุมมองที่รอบด้าน

4. แว่นตาตราชั่ง ชั่งน้ำหนักตามความเหมาะสม ยืดหยุ่น ตามเงื่อนไข และ บริบท ไม่ใช่ใช้ไม้บรรทัดทาบหรือขีดเส้น  แบ่งขาว-ดำ แบ่งดี-ชั่ว ลักษณะของตาชั่งจะถ่วงดุลทั้งสองข้าง ไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่งจนเกินไปกระทั่งขาดความสมดุล

5. แว่นตาแห่งยุคสมัยและพัฒนาการ มองเห็นประวัติศาสตร์ เวลา และ การเปลี่ยนแปลงในอดีต คิดนอกกรอบแต่กระแทกทางตรง และทำในเรื่องของการสร้างสรรค์ เพิ่มพลังด้านบวกให้คนทั้งคนที่ดื่ม, คนที่ดื่มหนัก, คนที่ไม่ดื่ม และ เสริมพลังให้กับคนทำงานด้วยกัน

จากบทสะท้อนตรงๆ ของนักวิชาการทั้ง 3 ท่าน ส่งผลในอีกช่วงสองเดือนต่อมาของการลงพื้นที่ในหมู่บ้านและตำบลเครือข่าย กระบวนการฟังผู้หญิงที่ดื่มจึงเริ่มขึ้น พร้อมไปกับการเปิดมุมมองใหม่ของการทำงานชุมชนผ่านแว่นตาทั้ง 5 ยี่ห้อ ที่ยังคงประทับอยู่ในใจของคณะทำงานชุมชน และการร่วมกันทำงานที่ปราศจากความรู้สึกกดดัน แต่เต็มไปด้วยพื้นที่ของการเรียนรู้ใหม่ ความรู้สึกตื่นรู้ และเริ่มคิดค้นแนวทางที่จะสร้างสรรค์วิธีการสื่อสารเพื่อทำงานสร้างเสริมสุขภาพ และควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชนต่อไป

 

เรื่อง: สุภาพร ทองสุข
ที่มา: มูลนิธิขวัญชุมชน

 

Shares:
QR Code :
QR Code