ผู้บริหาร 45 ปีอัพ กินเยอะอ้วนลงพุง
นักโภชนาการเผยผู้บริหารวัย 45 ปีขึ้นไป กินเยอะ-เผาผลาญน้อย ทำอ้วนลงพุง สธ. ควรดันโครงการผู้บริหารไร้พุงเข้มข้น แนะปรับของว่างพักประชุมให้พลังงานไม่เกิน 150 แคลอรี
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. นายสง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการโภชนาการที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เปิดเผยว่า ขอชื่นชมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาประกาศนโยบาย" ผู้บริหาร สธ. ไร้พุ่ง มุ่งสู่สุขภาพดี" เพื่อเป็นต้นแบบให้กับบุคลากรในองค์กรและองค์กรอื่นซึ่งค่อนข้างท้าทาย ทั้งนี้ คนในกระทรวงสาธารณสุขตระหนักดีว่าอ้วนลงพุง คือต้นเหตุของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในหลอดเลือด หัวใจขาดเลือด อัมพาต อัมพฤต เป็นต้น
กระทรวงสาธารณสุขต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการดูแลรักษา และกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงคือนักบริหารที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป เพราะเป็นวัยที่การเผาผลาญพลังงานลดลง เก็บไว้ในรูปของไขมันสะสมในร่างกาย อีกทั้งมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารที่ส่วนใหญ่จะนั่งประชุม กินดี อยู่ดีมากขึ้น มีงานเลี้ยงบ่อย และที่สำคัญอ้างว่างานยุ่งจึงไม่มีเวลาออกกำลังกาย ซึ่งทั้งหมดคือความเสี่ยงของผู้บริหารและคนวัยทำงาน
นายสง่า กล่าวอีกว่า ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขต้องทำอย่างจริงจัง เพราะตนเชื่อว่ามีหลายหน่วยงานจับตาดูกระทรวงนี้อยู่ โดยการสร้างแรงจูงใจให้คนในองค์กรเกิดความฮึกเหิมที่อยากจะลดอ้วน ลดพุง อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดสิ่งแวดล้อมหรือปัจจัยในองค์กรให้เอื้อต่อการกินอาหารและออกกำลังกายเพื่อลดพุง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงจูงใจนั้นเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องสร้างขึ้นเอง ไม่ใช่ทำเพราะถูกบังคับขู่หรือขอร้องจากผู้บังคับบัญชา หรือทำตามหน้าที่ เพราะจะทำเพื่ออวดกัน แต่ไม่ยั่งยืน นอกจากนี้ควรมีมาตรการเสริม ออกกฎระเบียบ มีการสร้างกระแสและเคลื่อนไหวสังคมตลอดเวลา จะทำให้คนในองค์กรหันมาปฏิบัติตาม "3 อ."ได้ และถ้ามุ่งสร้างอย่างต่อเนื่องติดต่อกันภายใน 1-2 ปี จะนำไปสู่ความสำเร็จของการลดพุงที่ยั่งยืนได้
“การสร้างปัจจัยเอื้อต่อการลดพุง เช่น ปรับเปลี่ยนชนิดอาหารว่างที่เสิร์ฟในระหว่างประชุมให้เป็นมิตรต่อสุขภาพ ให้พลังงานไม่เกิน150 แคลอรี มีการลุกขึ้นยืดเหยียดเป็นระยะๆ ในช่วงการประชุมหรือระหว่างทำงาน ควรมีการจัดอบรมผู้ที่จัดอาหารว่างและอาหารมื้อกลางวันให้ผู้บริหารควรจัดอาหารที่มีคุณค่า อร่อยแต่ให้พลังงานที่พอดีและสมดุล รวมถึงอบรมพัฒนาความรู้ผู้ขายอาหารในโรงอาหาร ออกกฎระเบียบการนำอาหารมาจำหน่ายการใช้โรงอาหารเป็นแหล่งเรียนรู้ในการกินอาหารและออกกำลังกาย”นายสง่า กล่าว