‘ผาปก-สวนผึ้ง’ รวมพลังทำแนวกันไฟป้องกันป่าวอด

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ภาพประกอบจากเว็บไซต์สำนักข่าวอิสรา


'ผาปก-สวนผึ้ง' รวมพลังทำแนวกันไฟป้องกันป่าวอด  thaihealth


แฟ้มภาพ


แม้ฤดูกาลจะเปลี่ยนผ่านตามวาระเวลา ฝน ร้อน หนาว หมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกๆ ปี แต่สำหรับหน้าแล้งปีนี้ ดูเหมือนจะประสบกับวิกฤติในหลายๆ พื้นที่ น้ำอุปโภค-บริโภคขาดแคลน ไม่ต้องพูดถึงพื้นที่ทางการเกษตรที่ปลูกอะไรไม่ได้มานานหลายเดือนแล้ว จนส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตอย่างเลี่ยงไม่ได้


"ภัยแล้ง" ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุหลัก คือธรรมชาติที่เปลี่ยนไป ป่าไม้ถูกทำลาย ระบบนิเวศน์เสื่อมโทรม จนฝนตกไม่ถูกต้องตามฤดูกาล หรือแทบไม่ตกเลย ตลอดจนการบริหาร จัดการทรัพยากรน้ำอย่างไม่มีระบบ ทำให้หน้าแล้ง มาเร็วและรุนแรงขึ้นทุกๆ ปี


ที่สวนผึ้ง จ.ราชบุรี อำเภอชายแดนฝั่งตะวันตกของไทย แหล่งท่องเที่ยวท็อปฮิต แต่สวนผึ้งก็ประสบปัญหาภัยแล้งเช่นกัน แม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่รุนแรงมากนัก ทว่าปีนี้ภัยแล้งที่สวนผึ้งถือว่าหนักสุดในรอบ 30 ปี เมื่อแหล่งน้ำ หลายแห่งเริ่มแห้งขอด จนส่งผลกระทบต่อ ชาวบ้านและผู้ประกอบการรีสอร์ท


บ้านผาปก ม.3 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เป็นชุมชนติดกับเทือกเขาตะนาวศรี เป็นแหล่งต้นน้ำห้วยผาปก และห้วย'ผาปก-สวนผึ้ง' รวมพลังทำแนวกันไฟป้องกันป่าวอด  thaihealthเขากระโจม เมื่อความแห้งแล้งมาเยือน ทำให้ลำห้วยทั้งสอง แห้งขอด ส่งผลต่ออ่างเก็บน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภค เมื่อไม่มีน้ำใช้ในหน้าแล้ง ชาวบ้านต้องซื้อน้ำมาใช้ ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม


ขณะเดียวภัยพิบัติสำคัญที่มาพร้อมกับ ภัยแล้ง คือไฟป่า ซึ่งเกิดขึ้นทุกปี หนักบ้างน้อยบ้าง สลับกันไป ด้วยเหตุนี้หมู่บ้านผาปก จึงเข้าร่วม "โครงการร่วมสร้างชุมชนน่าอยู่" ซึ่งสนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติในชุมชน และป้องกันไฟป่าไม่ให้เกิดขึ้นอีก


อภิขนา ทองเหลือ หรือ "ผู้ใหญ่แวว" ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านผาปก เปิดเผยว่า เมื่อถึง ฤดูแล้ง ชาวบ้านผาปก มักจะได้รับความเดือดร้อน จากไฟป่าเป็นประจำ ตนได้ชวนชาวบ้านเข้าไปทำแนวกันไฟป่า และสร้างจิตสำนึกในการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า


สำหรับชาวบ้านผาปกส่วนใหญ่ มีอาชีพ รับจ้างทั่วไป งานประจำของชาวบ้าน คือเป็นพนักงาน ตามรีสอร์ทต่างๆ ในอำเภอสวนผึ้ง หากนับเฉพาะรีสอร์ทและที่พักที่อยู่ในเขตหมู่บ้านผาปก จะมีถึง  45 แห่งทีเดียว เหตุนี้จึงจำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน เพราะหากเกิดไฟป่า ผลกระทบจะรุนแรง โดยเฉพาะ ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นรายได้หลักที่ช่วยให้ชาวบ้านอยู่ได้


หลายๆ ครั้งที่เกิดไฟป่าไฟจะไหม้ท่อส่งน้ำประปาภูเขาที่ชาวบ้านใช้อุปโภคบริโภค ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ต้องขึ้นไปซ่อมแซม นอกจากนี้ไฟป่ายังทำให้ป่าต้นน้ำได้รับความ เสียหาย อ่างเก็บน้ำเล็กๆ ที่ใช้เก็บกักน้ำบนภูเขาก็แห้งลงเรื่อยๆ'ผาปก-สวนผึ้ง' รวมพลังทำแนวกันไฟป้องกันป่าวอด  thaihealth


"เมื่อก่อนที่หมู่บ้านนี้เป็นแหล่งแร่ จึงมี เหมืองแร่เก่าอยู่หลายแห่ง และเราดัดแปลงเหมืองเก่า เป็นอ่างเก็บน้ำ มาใช้เป็นน้ำอุปโภคบริโภค ได้ต่อท่อประปาลงมายังหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านได้ใช้กัน แต่ ปีนี้น้ำแห้ง เพราะแล้งจัด เราก็เลยขอการสนับสนุน จากสสส. ทำโครงการชุมชนน่าอยู่ เพื่อฟื้นฟู สิ่งแวดล้อม นอกจากจะป้องกันไฟป่าแล้ว เราจะมี การปลูกป่าต้นน้ำด้วย" ผู้ใหญ่บ้านผาปกกล่าว


ด้าน ประเสริฐ  สอนวัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านผาปก บอกว่า บ้านผาปกเป็นหมู่บ้านต้นน้ำ เมื่อพื้นที่เกิดวิกฤติย่อมส่งผลกระทบต่อพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะลำน้ำภาชี ที่เป็นลำน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชาวสวนผึ้ง หากเกิดไฟไหม้ป่าต้นน้ำ ต้นไม้ทั้ง เล็กใหญ่ต้องตาย ทำให้พื้นดินแห้ง ไม่มีความชุ่มชื้น เวลาฝนตกก็ไม่สามารถซึมซับและอุ้มน้ำฝนไว้ได้ ซึ่งบ้านผาปกมีแหล่งน้ำทั้งหมด 5 แห่ง เฉพาะบนภูเขามี 2 แห่ง ซึ่งเป็นน้ำซับจากใต้ดินในพื้นที่ ป่าที่อุดมสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ไม่มีน้ำเหลืออยู่เลย ส่วนแหล่งน้ำพื้นล่างอีก 3 แห่ง ปริมาณน้ำก็น้อยลงกว่าทุกปีจนส่งผลกระทบกับชาวบ้านกว่าหนึ่งพันครัวเรือน


นอกจากไฟป่า ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงวิกฤติภัยแล้งของบ้านผาปกแล้ว ผู้ช่วยประเสริฐ ยังบอก ว่า คณะกรรมการหมู่บ้านยังรณรงค์การใช้น้ำอย่างประหยัด และคิดหาแนวทางการบริหารจัดการน้ำ ให้ถูกต้อง เพราะแต่เดิมมีการเก็บค่าบริการน้ำประปา เพียงครัวเรือนละ 30 บาท ทำให้ทุกคนใช้น้ำอย่างไม่บันยะบันยัง แต่เมื่อเจอวิกฤติหนักสุดในรอบ 30 ปี หลายคนเริ่มตระหนักการใช้น้ำมากขึ้น ซึ่งต่อไปจะทำการติดตั้งมิเตอร์และจัดเก็บตามปริมาณที่ใช้ไป ซึ่งน่าจะช่วยแก้ปัญหาได้อีกทางหนึ่ง


นอกจากนี้ชาวผาปก ยังมีพันธมิตรสำคัญในหมู่บ้านอย่าง ชมรมรักษ์เขากระโจม เป็นกลุ่มจิตอาสาที่เกิดจากการรวมตัวของ กลุ่มคนในพื้นที่ที่ต้องการปกป้องทรัพยากร ธรรมชาติ เพื่อให้ผืนป่าเขากระโจมคงความอุดมสมบูรณ์หล่อเลี้ยงชีวิตน้อยใหญ่ตลอดไป


'ผาปก-สวนผึ้ง' รวมพลังทำแนวกันไฟป้องกันป่าวอด  thaihealthดายุ สีเสวก ประธานชมรมรักษ์เขากระโจม บอกว่า เขากระโจม เป็นผืนป่าที่เป็นแหล่งต้นน้ำของพื้นที่ อ.สวนผึ้ง ทว่าปีนี้ค่อนข้างแย่ เพราะฝนตกทิ้งช่วงนาน ประกอบกับ เกิดไฟป่าขึ้นบ่อยทำให้พื้นดินและต้นไม้ ไม่อุดมสมบูรณ์มากพอ ทำให้เกิดผลกระทบ ต่อคนใช้น้ำ นอกจากปัจจัยธรรมชาติแล้ว ต้องมองปัญหาจากคนอีกส่วนหนึ่ง ว่ารีสอร์ทเกิดขึ้น มากเกินไปหรือไม่ มีการบุกรุกพื้นที่ป่าจุดไหน ซึ่งเรื่องนี้ทุกๆ คนต้องช่วยกันดูแล


"เมื่อปีนี้แล้งจัด เราก็ต้องมาดูถึงแนวทาง การดูแลป่าต้นน้ำ ต้องช่วยกันทำแนวกันไฟ ช่วยกันไม่จุด ไม่เผา เมื่อไฟป่าน้อยลง สภาพป่า ก็จะดีขึ้น แหล่งน้ำก็จะดีขึ้นตามลำดับ" ประธาน ชมรมรักษ์เขากระโจม กล่าว


ขณะที่ มาย สามเจดีย์ ชาวบ้าน บ้านผาปก กล่าวว่า หากชุมชนมีกิจกรรมก็จะมา ร่วมทุกครั้ง มาช่วยทำแนวกันไฟ ให้ผู้ใหญ่ทำคนเดียวคงไม่ไหว ชาวบ้านต้องช่วยกัน สามัคคีกัน ทั้งหมู่บ้านก็จะเรียกกันไปช่วยดับไฟ เข้าไปทำแนวกันไฟ หากไปคนเดียวก็ได้แค่คนเดียว แต่ถ้าไปหลายคนก็จะช่วยกันได้มาก


"เวลาเกิดไฟไหม้ป่าก็ส่งผลกระทบกับบ้านเรา ถ้าบ้านไม่ไหม้ ก็แล้ง ไม่มีน้ำกินน้ำใช้ ลำบากต่อการใช้ชีวิตอีก บ้านเราเราไม่ดูแลจะให้ใครดูแล เราต้องดูแลเอง" เธอบอก


นี่คือตัวอย่างของพลังชุมชนที่ช่วยกัน ป้องกันและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติในชุมชน เพื่อลดความเสียหายและให้คงอยู่อย่างยั่งยืน

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ