ผลร้ายซ้ำซ้อน “เหยื่อทางเพศ” “เด็ก” ยิ่ง “ต้องห่วง”
กรณีปัญหา “กระทำอนาจารเด็ก-ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก-ข่มขืนเด็ก” ซึ่งยุคปัจจุบัน เกิดขึ้นในประเทศไทยอยู่เป็นประจำ ปรากฏเป็นข่าวอยู่เป็นระยะ ซึ่งเด็กที่ตกเป็น “เหยื่อ” ก็มิใช่จะเพียงแค่กลุ่มเด็กโต แต่ยังรวมถึงเด็กเล็ก และแม้แต่เด็กผู้ชายก็ยังไม่วายตกเป็นเหยื่อจากการกระทำของผู้ที่เบี่ยงเบนทางเพศ ทั้งที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ กรณีปัญหานี้ในไทยควรจะมีการเร่งหาแนวทางเพื่อแก้ไขป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหาที่เกิดกับเด็กปัญหานี้ก็ส่งผลเสียเป็นลูกโซ่ได้ อย่างในทาง “จิตวิทยา” ก็มีแง่มุมที่น่าคิด-น่าห่วง!!
ทั้งนี้ กรณีปัญหา “กระทำอนาจารเด็ก-ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก-ข่มขืนเด็ก” นี่ชัดเจนว่าผู้กระทำนั้นมีความผิดตามกฎหมายอาญา ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และยังเป็นการผิดตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญามาตั้งแต่ปี 2535 ผิดตามข้อ 19 และข้อ 34 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการกระทำอันมิชอบทางเพศ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการ “ทำร้ายเด็ก” ทั้งทางร่างกาย และรวมถึง “ทางจิต” ด้วย
เด็กที่ถูกกระทำมิชอบทางเพศย่อมจะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านจิตใจ ซึ่งทางด้านร่างกายนั้นสามารถจะเห็นได้ชัดและรักษาให้หายได้ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นทางด้านจิตใจของเด็กนั้น นี่เป็นปัญหาต่อเนื่องที่มองไม่เห็น มันอาจเป็นปัญหาที่ฝังลึกในจิตใจของเด็ก และส่งผลร้ายในภายหลัง
กับเรื่องนี้ ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา ที่ปรึกษาศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บอกว่า ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศเด็กนั้น เราต้องมองตั้งแต่ต้นตอ ก็คือ ผู้ที่เป็นคนก่อเหตุ คนพวกนี้มีปัญหาทางจิต คนที่ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศเด็กนั้น เป็นพวกสับสนทางเอกลักษณ์ ไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างแรง ไม่กล้ามีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่วัยไล่เลี่ยกับตน รู้สึกไม่เชื่อมั่น อาจจะกลัวความสามารถ กลัวความรู้เท่าทันของผู้ที่วัยไล่เลี่ยกัน ก็เลยหันไประบายกับเด็กที่อ่อนแอกว่ามาก อาการทางจิตของคนกลุ่มนี้คือ “พีโดฟีเลีย” หรือพวก “โรคจิต” ที่เรียกว่ากลุ่ม “พีโดริซึ่ม”
ดร.วัลลภ ระบุอีกว่า คนกลุ่มนี้คือ ต้นเหตุที่ทำให้มีปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กเกิดขึ้น และขณะเดียวกัน เด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ก็จะเกิดปัญหาทางด้านจิตใจ เกิดอาการเสียขวัญ สะเทือนขวัญ อาการสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นกับเด็กนั้นจะเข้าไปฝังอยู่ในเส้นประสาทและสรีระร่างกายอย่างอัตโนมัติ ผลเสียที่จะเกิดขึ้นคือ อาจจะทำให้รู้สึกหวาดผวา กลัวถูกคุกคามชีวิต ตื่นตระหนกง่ายกว่าปกติ
สำหรับอาการทางจิตใจที่เกิดกับเด็กที่เป็นเหยื่อนี้ นักจิตวิทยาที่ปรึกษาศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ บอกว่า ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยา อาการจะมีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ คือ นอนไม่หลับ ประสาทหลอน กลัวการเข้าสังคม ประหม่า หวาดระแวง นอกจากนั้น เด็กที่เป็นเหยื่อถูกล่วงละเมิดและมีอาการสะเทือนขวัญฝังลึกอยู่ในตัว ยังอาจจะมีอาการหัวใจเต้นแรง อารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิด คลุ้มคลั่ง อาละวาด มากๆ เข้าก็จะนำไปสู่ภาวะ “ซึมเศร้า” และที่ยิ่งน่าห่วงคืออาจถึงขั้น “ฆ่าตัวตาย”
ทั้งนี้ แม้ว่าอาจจะไม่ถึงขั้นเกิดเรื่องสลดใจร้ายแรงซ้ำซ้อนขึ้นกับเด็กที่เป็นเหยื่อ แต่ ดร.วัลลภ ก็บอกว่า…อาการที่เกิดตามมาจากเหตุการณ์ร้าย ก็ส่งผลกระทบถึงสมองส่วนหน้าของเด็กที่ถูกกระทำด้วย ซึ่งทำให้มีผลทางด้านการเรียน อาจไม่อยากเรียน บางคนอาจคิดผิดเสพยาเสพติด เพื่อหวังจะให้ลืมสิ่งที่เกิดกับตนเอง กลายเป็นอีกกรณีปัญหาที่เกิดเป็นลูกโซ่
เด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ หากเติบโตขึ้นโดยขาดการรักษาด้านจิตใจที่ดีพอ อาจทำให้มีอาการกลัวเรื่องเพศ กลัวการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนั้น อาจจะเป็นคนที่ปรับตัวเข้ากับสังคมไม่ได้ อาจถึงขั้นต่อต้านสังคม หรือมีอาการอาฆาตสังคมไปเลยก็ได้ อาจจะไปทำอะไรไม่ดีกับเด็กที่เล็กกว่า หรือกับผู้ที่สูงอายุกว่าก็ได้
“เพราะฉะนั้น เด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศนั้นจะต้องได้รับการเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจ ต้องเอาแผลจากการที่ถูกกระทำออกจากจิตใจของเด็กให้หมด เพื่อทำให้เด็กกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเดิม ถ้าเอาออกจากใจเด็กไม่หมดก็จะติดตัวเด็กไปตลอด ซึ่งการฟื้นฟูนั้นจะต้องทำกันอย่างต่อเนื่องถึงจะได้ผล ซึ่งก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร” นักจิตวิทยา ที่ปรึกษาศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ระบุ พร้อมทั้งบอกทิ้งท้ายว่า แต่ที่ดีที่สุด ถูกต้องที่สุดคือ ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น เราต้องป้องกันไม่ให้เด็กต้องเสียไป
ก็เป็นอีกมุมน่าห่วงที่ต้องสะท้อนถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ๆ กับกรณีปัญหา “ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก” ปัญหาที่สังคมไทยยังไม่ตื่นตัวป้องกันเท่าที่ควร!!!
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์