ผลงานต้านบุหรี่ไทยได้ผล SEARO มอบรางวัลดีเด่น
ดร.พิสิษฐ์ – หมอสุภกร ได้บุคคลดีเด่น
นับได้ว่า การต่อสู้เพื่อรณรงค์ให้สถิติการสูบบุหรี่ของคนไทยลดน้อยลง ของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ผลอย่างสูง เมื่อ องค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEARO) ประกาศมอบรางวัลบุคคลและองค์กรดีเด่นด้านควบคุมยาสูบ เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 2009 ให้กับ คนไทย 2 คน และ 1 องค์กร โดยตัวบุคคลได้ ดร.พิสิษฐ์ ลี้อาธรรม และ นพ.สุภกร บัวสาย, ส่วนรางวัลสำหรับองค์กรดีเด่น เป็นของ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นับรวมเป็นรางวัลระดับนานาชาติด้านการควบคุมยาสูบรางวัล ครั้งที่ 5 ที่ประเทศไทยได้รับในครึ่งปีแรกของปี 2009 นี้
งานนี้ ไม่ใช่เป็นปลื้มสำหรับผู้ที่ได้รับรางวัลเท่านั้น แต่คุณงามความดีตกอยู่กับคนไทยทั้งประเทศ ที่ องค์กรโลกเขามองเห็นว่า “คนไทยนั้นรับรู้พิษภัย และโทษ จากการสูบบุหรี่อย่างจริงจังแล้ว” เรียกว่า คนไทย รู้จัก ความชั่ว ความดี และ รู้จักที่จะเลือกแต่ในสิ่งที่ดีๆ ให้กับตัวเอง และ นี่คือลักษณะของคนในประเทศที่มีการพัฒนาแล้วนั่นเอง
ว่ากันอย่างจริงจังแล้ว จะพบว่า ประเทศไทยของเรา ได้ทำการรณรงค์ และสร้างโครงการใหม่ๆ ขึ้นอยู่เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง เป็นต้นว่า
จัดตั้ง ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ Quitline 1600 เกิดขึ้น โดย ความร่วมมือของ 3 สถาบัน คือ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
จัดตั้ง โครงการเภสัชอาสา…พาเลิกบุหรี่ โดยเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมเพื่อควบคุมยาสูบ ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ทางด้าน กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้เพิ่มความเข้มงวดขึ้น เกี่ยวกับการรณรงค์ โดยเน้น 3 เรื่องใหญ่ๆ ได้แก่ 1.การจัดตั้งศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ ทางหมายเลข 1600 และ 2. สธ.ได้ให้โรงพยาบาลในสังกัดกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ เปิดคลินิกอดบุหรี่ให้บริการ และมีนโยบายบรรจุการรักษาการเลิกบุหรี่ ในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 3. ออกกฎหมายบังคับ เพิ่มการพิมพ์รูปภาพพร้อมคำเตือนภัยบุหรี่ชุดใหม่และเพิ่มภาพเท้าเน่าอีก 1 ภาพ รวมเป็น 10 ภาพ และให้พิมพ์ “โทร เลิกบุหรี่ 1600” ด้วย
โดยเฉพาะ โครงการ “เภสัชอาสา ปรึกษาเลิกบุหรี่” ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผอ.สำนักสนับสนุนการสร้างสุขภาวะและลดปัจจัยเสี่ยง เปิดเผยให้ทราบ ว่า โครงการเภสัชอาสาพาเลิกบุหรี่ เป็นการ ช่วยคนไทยให้เลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้น ซึ่งมีการเชื่อมโยงกับบัตรทอง เพื่อให้ผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ สามารถเข้ารับบริการฟรี ได้ด้วย
โครงการเภสัชอาสา เป็นความร่วมมือของวิชาชีพเภสัชกรรมที่มีร้านขายยากระจายอยู่ทั่วประเทศ จึงทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และขณะนี้มีร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการผ่านการอบรมแล้ว 3,000 แห่งทั่วประเทศ เป้าหมายใน อนาคต เมื่อมีการเชื่อมโยงนวัตกรรมในการเลิกบุหรี่กับระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง แล้ว ทุกคนสามารถเลิกบุหรี่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้จะผลักดันให้นำหมายเลขสายด่วน 1600 ของศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ ไปพิมพ์คู่กับภาพคำเตือนที่ซองบุหรี่ด้วย
สำหรับ รายละเอียด ของการ ลดปริมาณผู้ติดบุหรี่ ในประเทศไทย จากโครงการดังกล่าวนี้ เภสัชกรเอกไชย พรรณเชษฐ์ เภสัชกรดีเด่นประจำปี 2552 ของเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมเพื่อควบคุมยาสูบ เปิดเผยให้ทราบ ว่า ขณะนี้ มี เภสัชกรในร้านขายยาปลอดบุหรี่ จำนวน 2,810 ร้านทั่วประเทศ จะดำเนินการ โดยใช้แนวทางที่เรียกว่า 5A’s ในการให้คำปรึกษาเลิกบุหรี่ ได้แก่ Ask (ถาม), Advise (แนะนำ), Assess (ประเมิน), Assist (ช่วยเหลือ) และ Arrange (ติดตาม) ร่วมกับการใช้ยา เช่น หมากฝรั่งอดบุหรี่ เพื่อช่วยให้ผู้ตั้งใจเลิกบุหรี่สามารถเลิกได้ในที่สุด
ภก.คทา บัณฑิตานุกูล ประธานเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมเพื่อควบคุมยาสูบ กล่าวว่า ประชาชนสามารถขอรับบริการที่เครือข่ายร้านขายยาปลอดบุหรี่ทั้ง 2,810 ร้าน และร้านขายยาที่มีเภสัชอาสา พาเลิกบุหรี่ (ซึ่งมีสติ๊กเกอร์ติดหน้าร้าน) จะคอย ให้บริการปรึกษาเลิกบุหรี่อย่างครบวงจรกว่า 300 ร้านทั่วประเทศ
ภก.คทา กล่าว อีกว่า ปัจจุบันมีเภสัชกรที่เข้าร่วมโครงการผ่านการอบรมเภสัชกรรมกรรมการเลิกบุหรี่ตั้งแต่ปี 2549 จำนวน 3,086 คน โดยการให้ความรู้และฝึกในการให้บริการเลิกบุหรี่กับประชาชน นอกจากนี้ ได้ขยายการอบรมเภสัชกรในโรงพยาบาล เพื่อให้คำแนะนำผู้ป่วยเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ในการเลิกบุหรี่ จำนวน 1,000 คน ในอนาคตจะมีเป้าหมายให้ครอบคลุมร้านขายยาทั้งหมดทั่วประเทศกว่า 20,000 ร้าน
นับเป็น ข่าวดี และ เป็นการสร้างกิจกรรมดี ที่น่ายกย่อง ชมเชย และ สนับสนุนมากทีเดียว
ไหนๆก็มีความภาคภูมิใจกับความสำเร็จในการณรงค์ให้คนไทยเลิกสูบบุหรี่ได้มากขึ้นดังกล่าวแล้ว ผู้เขียน ก็อยากจะฝากบอกไปยัง บรรดาสาวๆวัยรุ่น ให้ทราบสักเรื่องหนึ่งว่า ท่ามกลางความตื่นตัวของ บรรดาวัยรุ่น ที่กำลังเคร่งเครียดอยู่กับการ ใช้เครื่องสำอางเพื่อให้ ใบหน้าเต่งตึง ใสปิ๊ง โดยไม่เสียดายเงินอยู่ในเวลานี้ พวกหล่อนจะรู้บ้างไหมว่า ปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้ สาว และ หนุ่ม มีใบหน้า ใสปิ๊ง แต่งตึง หรือ หน้าเด้งอย่างสะดุดตาคนทั่วไปนั้น ไม่จำเป็นจะต้องไปเสียเงินซื้อเครื่องสำอางหรอก แค่ อย่าสูบบุหรี่ หน้าก็จะเด้ง สดใส และ สวยอย่างเป็นธรรมชาติ ที่มีค่าเกินกว่า ความสวยด้วยเครื่องสำอางหลายเท่า เพราะ โทษประการหนึ่งในหลายๆประการคือ การสูบบุหรี่ จะทำให้ หน้าเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัย
รู้อย่างนี้แล้ว บรรดาวัยรุ่นทั้งหลายยังอยากจะเสี่ยงที่จะเข้าไปคลุกคลีกับ บุหรี่อีกหรือ???
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Update 04-06-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์