ผนึกกำลังเร่งปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่
ที่มา : เว็บไซต์มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ภาพประกอบจากเว็บไซต์มูลนิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ประกาศเดินหน้าป้องกันนักสูบหน้าใหม่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล ทรงมีพระราชดำรัสไว้ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2547 ว่า “เดี๋ยวนี้เด็กๆ เล็กๆ มีการสูบบุหรี่มากขึ้น เห็นมีการรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ แล้วก็ห้ามขายบุหรี่แก่เด็กอายุ 18 ที่จริงอายุ 50 ก็ควรจะห้าม” อีกทั้งการที่พระองค์ท่านได้รับการถวายโล่เพื่อเชิดชูพระเกียรติจากองค์การอนามัยโลก เมื่อ พ.ศ. 2543 ดังที่มีการจารึกว่า “ในฐานะที่ทรงเป็นผู้นำทางจิตใจที่มุ่งมั่นและกอปรด้วยพลัง ทรงเป็นแบบอย่างทางสาธารณสุข ได้ทรงสร้างแนวทางตลอดจนบริบททางวัฒนธรรม ที่สนับสนุนกิจกรรมเพื่อการไม่สูบบุหรี่ที่โดดเด่นที่สุดในเอเชีย อีกทั้งได้พระราชทานแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่แก่ราษฎรของพระองค์ ประชาชนในภูมิภาคและในโลก”
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เปิดเผยในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่บุคคลและองค์กรที่ได้ร่วมรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ ในโอกาสครบรอบ 30 ปีอของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โดยมี ฯพณฯ พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเป็นประธานว่า หากจะลดการสูบบุหรี่ของคนไทยให้ได้ผลยิ่งขึ้นการป้องกันนักสูบหน้าใหม่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะการสำรวจพบว่า คนไทยที่ติดบุหรี่กว่าครึ่งเริ่มสูบก่อนอายุ 17 ปี และเมื่อติดแล้วมีเพียงร้อยละ 27 เท่านั้นที่สามารถเลิกได้ อีกกว่าร้อยละ 70 จะติดไปตลอดชีวิต ดังนั้นหากเราสามารถป้องกันเด็กอายุต่ำกว่า 17 ปี ไม่ให้เริ่มสูบบุหรี่ก็จะช่วยหยุดการเติมนักสูบหน้าใหม่เข้าสู่วงจรการสูบ การป่วย และการตายจากบุหรี่ รวมทั้งจะเป็นการป้องกันเยาวชนจากการก้าวไปสู่สิ่งเสพติดและอบายมุขที่ร้ายแรงชนิดอื่น ๆ อีกด้วย
ทั้งนี้ ข้อมูลของ ดร.ศรัณญา เบญจกุล อาจารย์คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เปิดเผยสถานการณ์การสูบบุหรี่ของคนไทยในช่วง 24 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2534 – 2558) พบว่า จำนวนผู้สูบบุหรี่ลดลงจาก 12.2 ล้านคนในปี 2534 เป็น 10.9 ล้านคนในปี 2558 ในจำนวนนี้พบว่าเป็นเด็กที่มีอายุ 15-18 ปี 3.1 แสนคน ซึ่งหากเราช่วยกันปกป้องเด็กจากการเริ่มสูบบุหรี่ได้สำเร็จ ก็จะสามารถลดนักสูบหน้าใหม่ได้ถึงร้อยละ 90
ศ.นพ.ประกิต กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการทางกฎหมายเป็นมาตรการที่สำคัญยิ่งในการป้องกันนักสูบหน้าใหม่ แต่ทว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมยาสูบของประเทศไทย ได้แก่ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2535 และพ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 นั้น ใช้มากว่า 24 ปีแล้ว ทำให้มีช่องโหว่ที่ธุรกิจยาสูบสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการล่านักสูบหน้าใหม่มาโดยตลอด เพราะธุรกิจยาสูบต้องการเด็กเข้ามาเป็นลูกค้าใหม่เพื่อทดแทนผู้ใหญ่ที่สูบบุหรี่ที่ทยอยลดลงเพราะป่วยและตายหรือเลิกสูบ ดังนั้น พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีมาตรการสำคัญๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากเดิมในการปกป้องเด็กจากการเข้าถึงบุหรี่
“ผมขอขอบคุณทุกฝ่ายอย่างจริงใจที่ได้ร่วมงานกับมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ในการสร้างค่านิยมที่ไม่สูบบุหรี่ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา และร่วมกันผลักดันกฎหมายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และ ครม. ที่มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผมขอขอบคุณแทนเด็กไทย ที่จะได้รับการปกป้องจากการเสพติดบุหรี่ เราทุกคนจะร่วมมือร่วมใจแก้ปัญหาการสูบบุหรี่ของเยาวชนไทยถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่อไป ” ศ.นพ.ประกิต กล่าว