ป.ป.ส.เผยผู้เสพรายใหม่เพิ่ม 70%
ป.ป.ส.แฉติดยา 1.2 ล้านคน เด็ก ป.6-ผู้เสพรายใหม่เพิ่ม 70%
ที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จ.เชียงใหม่ กระทรวงมหาดไทยได้จัดการประชุมเร่งรัดติดตามการดำเนินงานสร้างพลังสังคมและพลังชุมชนเอาชนะยาเสพติดในพื้นที่ โดยมีผู้บริหารจากกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าตำรวจ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม เพื่อรับนโยบายการทำงานและแนวทางแก้ปัญหาตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดปี 2555 โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้วเลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวว่า การป้องกันปัญหายาเสพติด มีขั้นตอนการดูแลอย่างเป็นระบบโดยเริ่มจากการเพิ่มความเข้าใจการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน ซึ่งได้มอบภารกิจให้ทางกองทัพไปช่วยดูแล หากยังหลุดรอดเข้ามาในเขตชั้นใน ตำรวจจะเข้าไปควบคุมป้องกันและปราบปราม ทั้งนี้ มีแผนดูแลป้องกันพื้นที่กว่า 6 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ ซึ่ง ป.ป.ส.จะเข้ามารับผิดชอบในส่วนนี้ โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการศูนย์ คอยควบคุมดูแลแผนงานต่างๆ ที่กำหนดไว้ ซึ่งจากผลปฏิบัติการและงานด้านการข่าวที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มผู้ค้ายังมีความต้องการนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในไทย โดยเฉพาะการลักลอบมาจากเส้นทางภาคเหนือ และกระจายไปจำหน่ายตามพื้นที่ต่างๆ จากข้อมูลยังพบตัวเลขผู้เสพยาเสพติดขณะนี้มีมากกว่า 1.2 ล้านคน ซึ่งในการป้องกันปราบปราม ตำรวจและฝ่ายปกครองต้องร่วมกันเอกซเรย์ ตั้งแต่ชุมชนหมู่บ้าน และประสานกับหน่วยงานอื่นๆ
ด้านนายเพิ่มพงษ์ ชวลิต รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ขณะนี้ตัวเลขการระบาดของยาเสพติดได้ขยายวงออกไป จากการสำรวจและตัวเลขการปราบปรามจับกุม พบว่า มีพื้นที่จำนวน 338 อำเภอ หรือกว่า 6 หมื่นหมู่บ้าน เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการระบาดของยาเสพติด และกำลังรุนแรงมากขึ้น ถือได้ว่าหมู่บ้าน เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการระบาดของยาเสพติด และกำลังรุนแรงมากขึ้นถือได้ว่าการระบาดได้ลุกลามไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของหมู่บ้านทั้งหมดทั่วประเทศ ทั้งยาบ้าและยาไอซ์ ทั้งนี้ การบำบัดรักษาขณะนี้มีดำเนินการรักษาผู้เสพไปแล้วมากกว่า 3 แสนคน ผู้เสพยารายใหม่ ที่พบตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ70 โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้น ป.6 ขึ้นไป เป็นกลุ่มที่พบในจำนวนผู้เสพรายใหม่มากที่สุด และจากตัวเลขยังพบการระบาดของยาไอซ์ ที่เพิ่มสูงขึ้นใกล้เคียงกับยาบ้า ดังนั้น ทุกหน่วยงานต้องหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษด้วย โดยในการบำบัดรักษา ที่ต้องใช้งบกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ในการบำบัดรักษาผู้เสพ ดังนั้น การใช้จ่ายงบประมาณผ่านหน่วยงานองค์กรต่างๆ จะต้องมีการบูรณาการร่วมกัน เพื่อให้การบำบัดผู้เสพยาเกิดประโยชน์สูงสุด
ด้านนายประชา เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในการแก้ปัญหาระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด รวมทั้งระดับอำเภอ นายอำเภอและผู้กำกับสถานีตำรวจจะต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน ขับเคลื่อนไม่ให้ยาเสพติดระบาดไปยังกลุ่มต่างๆ ได้ โดยเริ่มป้องกันตั้งแต่สถาบันครอบครัว ขยายไปยังชุมชน โรงเรียน หมู่บ้าน และอำเภอ ถ้าสามารถสร้างพลังของคนในชุมชนให้เข้มแข็ง ก็จะช่วยแก้ปัญหาและป้องกันยาเสพติดได้ โดยกระทรวงศึกษาธิการต้องเข้ามาช่วยกวดขันเข้มงวดป้องกันการแทรกซึมและแพร่ระบาด
ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวแสดงความเป็นห่วงที่เด็กเยาวชนเริ่มเสพยาเสพติดตั้งแต่ชั้น ป.6 ว่า การให้ความรู้กับเยาวชนเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จะต้องทำให้เด็กรู้สึกมีความกลัวด้วยว่าผลเสียของการเสพยาเป็นอย่างไร ทรมานมากน้อยขนาดไหน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะประเมินผลการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดทุก 3-4 เดือน อย่างไรก็ตาม ที่เป็นห่วงทุก 3-4 เดือน อย่างไรก็ตาม ที่เป็นห่วงว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติดด้วยนั้น เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นน้อยลง เพราะรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งของข้าราชการ ทำให้ข้าราชการไม่ต้องไปค้าของถื่อนหรือค้ายา ดังนั้น เชื่อว่าข้าราชการที่ไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายจะไม่เกิดขึ้น หรือลดจำนวนลง และหวังว่าข้าราชการทุกคนจะทุ่มเทการทำงานเพื่อให้ตรงตามนโยบายของรัฐบาล
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน