ป้องกันการลวนลามทางเพศ ในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์

ป้องกันการลวนลามทางเพศ ในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ thaihealth


มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เข้ายื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้มีมาตรการป้องกันและบังคับใช้กฎหมายกรณีผู้หญิง เด็ก และเยาวชนถูกฉวยโอกาสลวนลาม คุกคามทางเพศในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ และเข้มงวดพื้นที่เล่นน้ำปลอดแอกอฮอล์


วันที่ 31 มี.ค.58 นางสาวอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พร้อมด้วย นายธีรภัทร์  คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และนักเรียน นักศึกษา จากเครือข่ายฯกว่า30คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ผ่านทาง พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสตช. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)เพื่อเรียกร้องให้มีมาตรการป้องปรามและบังคับใช้กฎหมาย กรณีผู้หญิงและเด็ก เยาวชนถูกฉวยโอกาส ลวนลาม คุกคามทางเพศ ในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่มีอาการมึนเมา และเหตุเกิดในพื้นที่เล่นน้ำที่ไม่มีการห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 


นางสาวอังคณา กล่าวว่า ปัจจุบันเทศกาลสงกรานต์ได้เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม กลายเป็นเทศกาลฉลองดื่มสุรา เน้นความสนุกสนาน ก่อให้เกิดผลกระทบ ทั้งอุบัติเหตุบนท้องถนน สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน การทะเลาะวิวาท การคุกคามทางเพศ ทั้งนี้ปีที่ผ่านมามูลนิธิฯได้สำรวจ "มุมมองวัยรุ่นชายต่อปัญหาล่วงละเมิดทางเพศช่วงสงกรานต์" อายุระหว่าง15-25 ปี จำนวน 664 ตัวอย่าง ในพื้นที่กทม. โดยผู้ตอบแบบสอบถาม มองปัญหาที่จะเกิดขึ้นมากที่สุดในวันสงกรานต์ คือ ทะเลาะวิวาท ร้อยละ30 แต่งตัวล่อแหลมร้อยละ27อุบัติเหตุจากการขับรถร้อยละ16การลวนลาม คุกคามทางเพศร้อยละ13การสาดน้ำรุนแรง ร้อยละ12และในกรณีคุกคามทางเพศของวัยรุ่นในช่วงสงกรานต์ เกินครึ่งหรือ ร้อยละ57มองเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข ที่น่าห่วงคือร้อยละ43มองเป็นเทศกาลแห่งโอกาสใครๆก็ทำได้ไม่ต้องสนใจกฎหมายเป็นเรื่องปกติ โดยปัจจัยที่ทำให้การลวนลาม คุกคามทางเพศเกิดขึ้นร้อยละ59 ระบุว่า มาจากการดื่มสุรา 


นางสาวอังคณา กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ในกทม.ปีที่ผ่านมาอาทิ ถนนข้าวสาร ถนนสีลมฯลฯ พบปัญหาสำคัญๆได้แก่การฉวยโอกาสลวนลามคุกคามทางเพศ การทะเลาะวิวาท รวมถึงการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่มีใบอนุญาต การเร่ขาย การขายให้เด็กอายุต่ำกว่า20 ปี ขายให้คนเมาขาดสติ รวมถึงปัญหาการดื่มสุราบนรถขณะอยู่บนทาง ซึ่งผิดกฎหมายทั้งสิ้น อย่างไรก็ดี ล่าสุดรัฐบาลได้ออกมาตรการใหม่เพื่อลดปัญหาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว อาทิ กฎหมายที่ว่าด้วยการปฏิเสธการเป่า ให้มีความผิดเท่ากับคนเมาแล้วขับ ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทาง (ตาม พ.ร.บ.จราจร ซึ่งหมายรวมถึง ถนนทุกชนิด ไหล่ทาง และทางเดินเท้า) ห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟและสถานี ห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณสถานีขนส่ง และท่าเรือโดยสาร ซึ่งทั้งหมดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น ร่วมกับกฎหมายที่มีอยู่เดิมอาทิ ห้ามดื่มสุราบนรถ จำกัดสถานที่ขายและดื่ม ห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า20ปี ห้ามส่งเสริมการขายลดแลกแจกแถม นอกจากนี้ยังมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่27มีนาคม ที่ผ่านมา กำหนดให้พื้นที่เล่นน้ำ สงกรานต์ในปีนี้ต้องปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 


นางสาวอังคณา กล่าวว่า เพื่อลดปัญหาและอันตรายที่จะเกิดขึ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ มูลนิธิฯและเครือข่ายฯ มีข้อเสนอต่อ สตช.ในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ดังนี้


1. ให้ความสำคัญกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และมีนโยบายที่ชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมาย 


2. ให้ความสำคัญกับปัญหาการถูกลวนลาม คุกคามทางเพศ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเข้มงวดพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ มีการประชาสัมพันธ์ป้องปรามและกำหนดจุดรับเรื่องร้องเรียนช่วยเหลือให้เป็นรูปธรรม


3. สนับสนุนการจัดพื้นที่เล่นน้ำที่ปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามมติคณะรัฐมนตรีโดยการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปสนับสนุนกิจกรรม เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมาย


4.กำชับหน่วยงานในสังกัดให้ระมัดระวังการจัดกิจกรรมสงกรานต์ร่วมกับธุรกิจแอลกอฮอล์ที่อาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการตกเป็นเครื่องมือในการสื่อสารการตลาด และอาจมีประเด็นที่ผิดกฎหมายตามมา


 


 


ที่มา: สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า สคล.

Shares:
QR Code :
QR Code