ป่วย เบาหวาน ไทยพุ่ง
ที่มา: ข่าวสด
แฟ้มภาพ
ประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเบาหวานเฉลี่ยปีละกว่า 8,000 คน ที่น่าเป็นห่วงคือมีคนไทยมากถึง 2 ล้านคนที่เป็นเบาหวานแต่ไม่ทราบว่าตนเองเป็นและยังไม่เข้าถึงการรักษา และยังมีอีก 7.7 ล้านคนที่อยู่ในภาวะกลุ่มเสี่ยงของโรคเบาหวาน
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ ความอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน โดยภาวะอ้วนของคนไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
โรคเบาหวานที่พบบ่อยมีอยู่ 2 ชนิด โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากเกิดจากร่างกายทำลายเซลล์ของตัวเองที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลินโดยปฏิกิริยาอิมมูน เกิดได้กับทุกอายุ แต่มักพบในวัยเด็กหรือผู้ใหญ่วัยต้น ต้องการอินซูลินเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เกิดจากภาวะดื้ออินซูลิน แม้ร่างกายผลิตอินซูลินเพิ่มมากขึ้นแต่ไม่เพียงพอที่จะควบคุมระดับน้ำตาล มักพบในผู้ใหญ่อายุมากกว่า 30 ปี สัมพันธ์กับการมีน้ำหนักเกินหรือ โรคอ้วน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการดื้ออินซูลิน
ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า เมื่อเป็นโรค เบาหวานแล้ว หากผู้ป่วยไม่สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
นอกจากนี้ โรคเบาหวานยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยมีภาวะซึมเศร้า โรคหลอดเลือดสมองตีบและอุดตัน โรคหัวใจล้มเหลว และโรคหลอดเลือดแดงที่ขาตีบตันสูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่าตัว รวมถึงยังเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเกิดไตวายในประเทศไทยอีกด้วย
กุญแจสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการป้องกัน คือ การเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตมาสู่รูปแบบที่ถูกสุขลักษณะ เช่น การลดน้ำหนัก มีกิจกรรมที่ออกแรงมากขึ้น เพิ่มอาหารที่มีไฟเบอร์ ลดอาหารที่มี ไขมันอิ่มตัวสูง หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและสูบบุหรี่ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ถ้าสามารถทำได้มากเท่าใด อุบัติการณ์ของโรคเบาหวานก็จะลดลงมากเท่านั้น
นอกจากนี้ผู้ที่มีความเสี่ยงทุกคนควรได้รับการตรวจระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดเพื่อวินิจฉัยโรคเบาหวาน ซึ่งการประเมินความเสี่ยงเพื่อตรวจกรองหาผู้ป่วยนั้น นอกจากจะช่วยค้นหา ผู้ที่มีโอกาสที่จะเป็นเบาหวานในอนาคต ซึ่งจะได้ให้การป้องกันไม่ให้เกิดโรคเบาหวานแล้ว ยังช่วยให้ตรวจพบผู้ที่เป็นเบาหวานโดยไม่มีอาการและสามารถให้การรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ อีกด้วย
ศ.คลินิก นพ.ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์ ประธานวิชาการสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ จึงอาจทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดนี้ยากต่อการควบคุม การรักษาจึงต้องมีหลักเกณฑ์ต่างๆ ได้แก่ การควบคุมอาหารอย่างระมัดระวัง วางแผนเรื่องการออกกำลังกาย การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง และการฉีดอินซูลินแบบหลายครั้งในหนึ่งวัน ส่วนผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นั้น จำเป็นต้องควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และอาจต้องรักษาด้วยยารับประทานและ/หรือฉีดอินซูลินร่วมด้วย
ศ.คลินิก นพ.ชัยชาญกล่าวย้ำว่า การรักษาโรคเบาหวานให้ประสบผลสำเร็จ นอกจากการใช้อินซูลินได้ครบตามกำหนดที่แพทย์แนะนำแล้ว ผู้ป่วยยังต้องคุมน้ำตาลด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ถูกสุขลักษณะควบคู่ไปด้วยเสมอ ทั้งการลดน้ำหนัก รับประทานอาหารที่สมดุล ออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและสูบบุหรี่ และพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ