ปี 52 ภาคเหนือครองสถิติฆ่าตัวตายสูง
คิดเป็น 5.72 ต่อแสนประชากร
นายแพทย์สุวัฒน์ มหัตนิรันดร์กุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการเก็บข้อมูลของโครงการช่วยเหลือผู้ที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ในพื้นที่ 10 จังหวัด พบว่า อัตราการฆ่าตัวตายปี 2552 จังหวัดระยอง มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุดสูงที่สุด รองลงมาเป็นจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน จันทบุรี อุทัยธานี พะเยา และลำปาง โดยมีอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ 3,634 คน หรือคิดเป็น 5.72 ต่อแสนประชากร
ทั้งนี้ สถิติดังกล่าวลดลงจากปี 2551 ที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ 3,792 คน หรือคิดเป็น 5.96 ต่อแสนประชากร ทั้งยังพบว่าเพศชายมากกว่าเพศหญิง สาเหตุเกิดจากปัญหาภาวะซึมเศร้า น้อยใจ ความรัก หึงหวง เครียด ปัญหาเรื่องการเรียน ปัญหาส่วนตัวและประชดชีวิต สำหรับพื้นที่ภาคเหนืออัตราการฆ่าตัวตายระหว่างปี 2541-2552 จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน และพะเยา ยังมีอัตราการฆ่าตัวตายสูง
อย่างไรก็ตาม พบว่าอัตราการฆ่าตัวตายในประเทศไทยได้รับการควบคุมให้ลดน้อยลงตามลำดับ แต่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนยังมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงอยู่ ดังนั้น จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดรณรงค์ป้องกันการฆ่าตัวตายขึ้นอย่างต่อเนื่อง และองค์การอนามัยโลกก็ได้กำหนดให้วันที่ 10 กันยายน เป็นวันรณรงค์ป้องกันการฆ่าตัวตายโลก ซึ่งในปีนี้จะมีการจัดกิจกรรมในวันที่ 7 กันยายน ที่โรงเรียนหางดงรัฐราษฎรอุปถัมภ์ อ.หางดง จ.เชียงใหม่
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักกับเยาวชนและประชาชนประเด็นความเข้าใจ เห็นใจยอมรับผู้ที่อยู่ในภาวะคิดฆ่าตัวตายและผู้ลงมือกระทำ เพื่อให้ความรู้โดยตรงกับกลุ่มเป้าหมายในเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการฆ่าตัวตาย เพื่อเป็นการส่งข่าวสารโดยตรงกับประชาชน สำหรับกลุ่มเสี่ยงจะมีทั้งผู้ป่วยทางจิต ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ผู้ติดสุรา ผู้ป่วยทางกายเรื้อรัง และโรคราย กลุ่มผู้มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม พร้อมกันนี้ ยังเป็นการกระตุ้นให้สาธารณชนใส่ใจเกี่ยวกับการป้องกันการฆ่าตัวตายให้มากขึ้นด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
update : 03-09-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร