ปีใหม่…ไม่ให้เหล้า

แบบอย่างดีๆ ที่ควรทำ

 

          ผลกระทบที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากดูจากสถิติความสูญเสียที่มีให้เห็นแล้ว น่าตกใจ เพราะแต่ละปีมีคนไทยต้องประสบอุบัติเหตุ พิการ เสียชีวิต ปัญหาอาชญากรรม การใช้ความรุนแรง หากดูข้อมูลเด็กที่ถูกส่งเข้าสถานพินิจฯ จากคดีปล้น ฆ่า ข่มขืน พบว่ามีมากถึงปีละ 30,000 คน สาเหตุกว่าครึ่งหนึ่งเกิดจากเหล้า และตอนนี้มีนักดื่มหน้าใหม่เกิดขึ้นแล้ว 700 คนต่อวันและนับวันยิ่งอายุลดลงเรื่อยๆ ทำให้แต่ละปีคนไทยเสียชีวิตจากน้ำเมามากถึง 2.6 หมื่นราย หรือชั่วโมงละ 3 คน และถ้านับทั้งโลกก็มีมากถึงปีละ 2.5 ล้านราย และต้องจบชีวิตลงเพราะเหล้า 300 คนต่อชั่วโมง

 

ปีใหม่…ไม่ให้เหล้า

 

 

          ดังนั้นหลายหน่วยงานจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องร่วมกันเดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงพิษภัยและปัญหาดังกล่าว และเมื่อเร็วๆ นี้ ก็เรียกความสนใจได้ไม่น้อยกับกิจกรรมดีๆ “ให้เหล้า = แช่ง” ตอน “ปีใหม่..ไม่ให้เหล้า”ที่หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครือข่ายละครรณรงค์งดเหล้า (DDD) พร้อมใจกันจัดขึ้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัย ภายในงานได้มีการแสดงจำลองสถานการณ์ ประชุมซานต้า เพื่อพิจารณาการไม่ให้เหล้าเป็นของขวัญ โดยมีซานต้าเหยื่อเมาแล้วขับ ซานต้าที่ถูกคนเมาทำร้ายร่างกาย และซานต้าเยาวชน ร่วมประชุม ซึ่งเสียงสะท้อนของซานต้าส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า การให้ของขวัญแก่คนที่เรารักไม่จำเป็นต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปร่วมอยู่ด้วยเพราะผลกระทบและความสูญเสียจะเกิดขึ้นแก่ผู้รับนั้นเท่ากับการตายผ่อนส่ง

 

          ทั้งนี้ซานต้า และผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกคน ก็ได้ร่วมกันเดินรณรงค์ แจกสื่อสติกเกอร์เข็มกลัด เชิญชวนประชาชนร่วมเฉลิมฉลอง ปีใหม่ไม่ให้เหล้าแต่ควรมอบความปรารถนาดีด้วยการให้ของขวัญสุขภาพแก่ผู้รับ

 

          นอกจากการรณรงค์ดังกล่าวแล้ว การบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ซึ่งมาตรา 30 (5) ระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือลักษณะของการกำหนดเงื่อนไขการขายที่เป็นการบังคับซื้อโดยทางตรงหรือทางอ้อม ผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 32 ว่าด้วยเรื่องการจำกัดการโฆษณาโดยมิให้มีโฆษณาที่ปรากฏภาพขวดหรือหีบห่อ ห้ามจูงใจ หรืออวดอ้างสรรพคุณ ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะถูกปรับอีกวันละ 50,000 จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง

 

          หากว่ากันตามจริงแล้วตัวกฎหมายไม่ได้ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพียงแต่ห้ามจัดกระเช้ามีเหล้าวางโชว์เพื่อขาย เพราะถือเป็นเงื่อนไขในการบังคับซื้อ แต่หากลูกค้าต้องการให้ทางร้านค้าจัดให้ก็สามารถทำได้ ตามที่ลูกค้าร้องขอเป็นรายๆไป ส่วนการขายเหล้าก็สามารถทำได้ตามปกติตามเวลาที่กำหนด คือ 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น.ซึ่งผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

 

          ทั้งนี้หากดูข้อมูลผลสำรวจของเอแบคโพลล์ ในปี 2553 ระบุว่า 71.6% คนไทยมองว่าไม่ควรให้ของขวัญที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นสิ่งที่เป็นโทษกับผู้อื่นโดยผลสำรวจในปี 2552 บอกว่าสิ่งที่ประชาชนอยากได้เป็นของขวัญ นอกจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มากที่สุด คือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รองลงมาเป็น เค้ก ต้นไม้มงคล หนังสือสินค้าโอทอป และของขวัญทำเอง ตามลำดับ

 

          จะเห็นได้ว่าสังคมไทยเริ่มตื่นตัวกันมากสำหรับเรื่องนี้ หลายองค์กรประกาศชัดเจนไม่รับของขวัญที่มีเหล้า เช่นเดียวกับผู้ว่าราชการในหลายจังหวัดที่ต้องการเป็นแบบอย่างของการสร้างค่านิยมที่ดี เช่น นายธำรง เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายชวน ศิรินันท์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และนายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นต้น และคงจะเป็นเรื่องที่ดีมาก หากผู้ว่าราชการทุกจังหวัดประกาศนโยบายแบบนี้ ซึ่งจะเป็นไปได้หรือไม่นั้นก็อยู่ที่เจ้ากระทรวงมหาดไทยด้วยว่า พอที่จะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาเป็นนโยบายดีๆ ของกระทรวงได้หรือไม่

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน โดย ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผอ.เครือข่ายองค์กรงดเหล้า

 

 

 

 

Update : 04-01-54

อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร

 

Shares:
QR Code :
QR Code