ปั่นจักรยานอย่างไร ให้ปลอดภัยในหน้าฝน

ในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย อาจไม่ใช่อุปสรรคสำหรับกลุ่มคนรักการปั่นจักรยาน แต่เรื่องความปลอดภัยต้องระวังมากขึ้นเป็นพิเศษ ด้วยการตรวจเช็คสภาพรถจักรยานทุกครั้ง มีอุปกรณ์ที่พร้อม เพื่อรับมือกับช่วงเวลาที่ฝนตก


ปั่นจักรยานอย่างไร ให้ปลอดภัยในหน้าฝน thaihealth


กวิน ชุติมา กรรมการชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ให้คำแนะนำในการปั่นจักรยานหน้าฝนว่า ในช่วงหน้าฝนเมื่อฝนตกมาใหม่ๆ น้ำจะผสมกับฝุ่นที่สะสมกลายเป็นแผ่นโคลนลื่นๆ ทำให้ถนนลื่นและอันตราย สิ่งที่ต้องตรวจเช็คสำหรับตัวรถจักรยานคือ


ปั่นจักรยานอย่างไร ให้ปลอดภัยในหน้าฝน thaihealth1. ลมยาง โดยปกติแล้ว ยางรถจะมีบอกแรงดันลมไว้ที่แก้มยาง เช่น 35-65 PSI หรือ 60-90 PSI (Pound per Square Inch) ให้เราเลือกเติมลมยางไว้ในระดับที่ต่ำสุดในช่วงหน้าฝน อย่าง 60-90 ก็เลือกเติมไว้ที่ 60 ปอนด์ เพื่อความปลอดภัย


2. ล้อจักรยานควรเปลี่ยนให้เป็นแบบมีดอกยาง เนื่องจากขนาดหน้ากว้าง ยึดเกาะถนน ทำให้ไม่ลื่น 


3. ตรวจเช็คระบบเบรค โดยการหมุนล้อแล้วกำเบรคดูว่ามีทำงานผิดปกติหรือไม่ ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง


4. ควรติดไฟจักรยานไว้ด้านท้ายและด้านหน้า เพื่อรถคันอื่นให้มองเห็นได้ชัด


5. ติดบังโคลนเพื่อกันน้ำโคลน หรือสิ่งสกปรกกระเด็นมาติดเสื้อ เนื่องจากซักล้างยาก ซึ่งรถจักรยานทั่วไป ที่เน้นปั่นท่องเที่ยวจะมีบังโคลนติดอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มี เมื่อปั่นหน้าฝนก็ควรติดไว้จะดีกว่า


กวิน แนะนำเพิ่มเติมว่า นักปั่นจักรยานทางไกล หรือนักปั่นเพื่อแข่งขันมักจะมีชุดสำหรับการปั่นอยู่แล้ว เพราะสวมใส่ได้สบาย มีการระบายอากาศได้ดี แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนแล้วนั้น นักปั่นหลายๆ คน อาจเปียกฝนระหว่างเส้นทางการปั่น เสื้อกันฝนแบบครึ่งตัว หรือแบบแยกส่วนเสื้อ และกางเกง มีส่วนช่วยนักปั่น หรือคนปั่นจักรยานทั่วไปได้เยอะ เพราะการกางร่มขณะปั่นจักรยานมีความเสี่ยงและอันตรายมาก แต่หากเจอฝนตกหนักมาก นักปั่นควรหยุดปั่นทันที เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดตามมา นอกจากนี้ นักปั่นจำเป็นที่จะต้องสวมหมวกในการปั่นจักรยาน เพื่อความปลอดภัย ป้องกันฝนสาดเข้าหน้า และช่วยลดอาการบาดเจ็บที่ศีรษะเมื่อเกิดอุบัติเหตุปั่นจักรยานอย่างไร ให้ปลอดภัยในหน้าฝน thaihealth


“ในช่วงฤดูฝนนี้ นักปั่นควรปั่นในเส้นทางที่ตัวเองชำนาญ หากปั่นจักรยานในเส้นทางใหม่ หรือเส้นทางที่ไม่ชำนาญ อาจจะเจอหลุมที่ผิวถนน ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และควรลดความเร็วลงในระดับที่ 20 กม./ชม. การที่นักปั่นมีประสบการณ์เฉพาะตัวนั้น จะสามารถช่วยลดอุบัติเหตุได้ ทั้งนี้เมื่อต้องเบรกกะทันหัน นักปั่นควรใช้ระบบเบรกทั้ง 2 ล้อ เพื่อความปลอดภัย ให้การหยุดไม่กระแทก เพราะเมื่อเบรกล้อหน้าอย่างเดียว รถจักรยานอาจจะสะบัด ล้อจะตีลังกา หรือเบรกล้อหลังอย่างเดียวก็จะคุมการเบรกไม่อยู่” กวิน แนะนำเพื่อความปลอดภัย


กวิน เสริมว่า สำหรับสัมภาระต่างๆ เช่นกระเป๋าเป้ หรือกระเป๋าสะพาย ที่ใช้ใส่ของจำเป็นต้องเลือกใช้แบบที่สามารถกันน้ำได้ เช่น กระเป๋าผ้า pvc หรือผ้าใบ ซึ่งปัจจุบันมีให้นักปั่นเลือกมากมาย และเพื่อป้องกันน้ำซึมเข้าไปในกระเป๋า เราอาจนำอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ต่างๆ เช่น มือถือ หรือ แทบเล็ต ใส่ซองกันน้ำไว้อีกชั้นก็จะทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ของเราไม่โดนน้ำฝน


เมื่อเตรียมอุปกรณ์ และตรวจเช็คสภาพรถจักรยานพร้อมแล้ว นักปั่นก็พร้อมออกเดินทาง โดยไร้กังวลแม้จะมีสายฝนโปรย…


 


 


เรื่องโดย อาภาวรรณ โสภณธรรมรักษ์ team content www.thaihealth.or.th


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code