ปัสสาวะบ่อยเกินไป รีบเช็คสุขภาพ

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


ปัสสาวะบ่อยเกินไป รีบเช็คสุขภาพ thaihealth


แฟ้มภาพ


ภาวะปัสสาวะบ่อยเกินไป ไม่อันตรายถึงชีวิต แต่จะรบกวนการใช้ชีวิตของผู้ป่วย อย่างไรก็ตามหากมีอาการปัสสาวะบ่อยผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน


ศ.นพ.วชิร คชการ สาขาวิชาศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า วิธีสังเกตว่าตัวเองเข้าข่ายหรือไม่ ให้เปรียบเทียบความถี่ในการปวดปัสสาวะ หรือความถี่ในการเข้าห้องน้ำของตัวเองกับคนรอบข้าง อาจเป็นเพื่อนที่ทำงาน หรือญาติพี่น้องในวัยเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน และสังเกตความสามารถในการควบคุมปัสสาวะว่า สามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน หากไม่สามารถควบคุมได้ พบปัญหาปัสสาวะราดบ่อยๆ หรือตอนกลางคืนลุกเข้าห้องน้ำจนไม่ได้นอน แบบนี้ก็เข้าข่ายผิดปกติที่ควรพบแพทย์


ผลกระทบจากภาวะดังกล่าวคือทำให้ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสบางอย่างในชีวิต เช่น การเดินทางไปในบางที่ก็อาจไม่กล้าไป เพราะกลัวจะปวดปัสสาวะระหว่างเดินทาง ไปได้เฉพาะสถานที่เดิมๆ ที่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ไหน และอาจต้องวางแผนเตรียมการล่วงหน้าว่า เมื่อปวดจะสามารถวิ่งไปทิศไหนเพื่อเข้าห้องน้ำได้เร็วที่สุด อย่างโอกาสเดินทางไปต่างประเทศแทบไม่มีเลย อาจทำให้เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่อยากเข้าสังคม ที่กลายเป็นปัญหาระยะยาวและส่งผลต่อการเกิดโรคซึมเศร้าได้ หากในผู้สูงอายุมีภาวะดังกล่าวแล้วลูกหลานไม่เข้าใจ อาจถูกทิ้งไว้ที่บ้าน หรือจะไปไหนสักครั้งก็ต้องสำรองเสื้อผ้าไว้เยอะๆ เพื่อรองรับการสับเปลี่ยนเมื่อปัสสาวะราด ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างเห็นได้ชัด ส่วนร่างกายอาจมีผื่นหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นต้น


ภาวะปัสสาวะบ่อยเกินไป ไม่อันตรายถึงชีวิต เพียงแต่จะรบกวนการใช้ชีวิตของผู้ป่วย ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของแต่ละท่านด้วย จึงจะประเมินได้ว่ากระทบมากน้อยแค่ไหน หากรู้สึกว่าเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตมากๆ ก็ควรเข้ารับการรักษา ซึ่งในการรักษาแพทย์จะทำการตรวจดูก่อนเพื่อแยกเอาโรคอื่นออกไป โดยเฉพาะโรคที่อาการคล้ายๆ กัน เช่น โรคเบาหวาน เนื้องอกในสมอง เป็นต้น หากพบเจอโรคเหล่านี้ก็จะทำการรักษาโรคดังกล่าว แล้วภาวะปัสสาวะบ่อยเกินไปก็จะหายไปเอง


แต่ถ้าหากตรวจไม่พบโรคอะไรเลย จึงจะทำการรักษาอาการบีบตัวไวเกินไปของกระเพาะปัสสาวะตามลำดับ ที่อาจเกิดจากพฤติกรรมของผู้ป่วย เช่น การรับประทานอาหารที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ หากพบว่าคนไข้มีพฤติกรรมดังกล่าวก็ต้องให้คนไข้งดอาหารเหล่านั้น หรือการดื่มน้ำบ่อยในคนไข้บางราย หากพบว่ามีพฤติกรรมเหล่านี้ต้องให้คนไข้ปรับการดื่มน้ำ จากที่ดื่มตลอดทั้งวันก็ต้องเปลี่ยนไปดื่มเป็นช่วงๆ ในผู้หญิงอาจต้องฝึกฝนการขมิบ ช่วยบรรเทากระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินไปได้เช่นกัน


นอกจากนี้การรับประทานยาเพื่อรักษาก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ในกรณีที่ปรับพฤติกรรมแล้วไม่สำเร็จก็ต้องใช้ยา แต่ถ้าหากผู้ป่วยไม่สามารถทานยาได้จากภาวะบางอย่าง แพทย์ก็จะใช้วิธีการฉีดยาบางอย่างเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ เพื่อปรับสมดุลเส้นประสาท หากไม่ได้ผลอาจต้องใช้การผ่าตัด การใช้ไฟฟ้ากระตุ้น หรือกรรมวิธีที่มากขึ้นตามลำดับ


โรคดังกล่าวเป็นโรคที่ยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร จึงตอบไม่ได้ว่าสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ แต่ที่ผ่านมาพบว่าหลายรายหายเพราะไม่มี สิ่งกระตุ้น อาจเกิดจากการปรับพฤติกรรม หรือจากปัจจัยอื่น บางรายก็หายเองตามธรรมชาติ โดยที่แพทย์ไม่ต้องทำอะไร หรือบางรายก็เป็นๆ หายๆ โดยโรคดังกล่าวผู้ป่วยจำนวนมากสามารถดูแลตัวเองได้ ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวัน และระดับความรุนแรงที่เกิด อย่างในคนที่ต้องขับรถตลอด ภาวะดังกล่าวอาจรบกวนมากกว่าคนทั่วไป เป็นต้น บางคนก็มีวิธีที่แตกต่างในการจัดการกับตนเอง เช่น การใส่ผ้าอ้อม การใช้อุปกรณ์อื่นเสริม ที่สามารถช่วยได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา

Shares:
QR Code :
QR Code