ปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ ‘ผู้สูงวัย’ ด้วย ‘ชี่กง’
จากความก้าวหน้าด้านการแพทย์ และสาธารณสุข รวมถึงการเข้าถึงผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ที่มีคุณประโยชน์และมีมาตรฐานความปลอดภัยมากกว่าในอดีต ทำให้ประชากรไทยอายุยืนยาวมากขึ้น จากเดิมที่มีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 50 ปี ปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นเป็น70 ปี ซึ่งทำให้สังคมไทยในปี 2011 มีผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวนมากกว่า 7.5 ล้านคน
เห็นได้ชัดว่า “สังคมผู้สูงอายุ” กำลังขยายตัวขึ้นตามลำดับซึ่งประชากรในกลุ่มนี้จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ก็ต่อเมื่อได้รับการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจจากสมาชิกในครอบครัวอย่างเหมาะสม แต่จากสภาพสังคมไทยในปัจจุบันพบว่า มีผู้สูงอายุจำนวนมากถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง หลายรายต้องรับภาระดูแลเด็กเล็กที่ลูกหลานนำมาฝากเลี้ยงไว้
สิ่งเหล่านี้มีส่วนทำให้ผู้สูงอายุเกิดการเสื่อมถอยของร่างกาย ง่ายต่อการถูกรุมเร้าด้วยโรคภัยไข้เจ็บกลายเป็นปัญหาที่จะกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ
“วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ได้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ จึงได้จัดทำ “โครงการการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุด้วยการออกกำลังกายชี่กง 18 ท่า” ขึ้น ภายใต้การดำเนินงานของโครงการ “บ้านนี้มีสุข กำลัง 2” ของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้เกิดการรวมกลุ่มออกกำลังกายด้วยรูปแบบที่เหมาะสมกับช่วงวัย เกิดการเสริมสร้างอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างสัมพันธ์
นอกจากนี้ การรวมกลุ่มทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ของคนในชุมชนมากยิ่งขึ้น กลายเป็นชุมชนผู้สูงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ นำมาซึ่งการพึ่งพาอาศัยและไม่ทอดทิ้งกัน โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
น.ส.มนทกานติ์ เชื่อมชิต นักวิจัยประจำวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข หัวหน้าโครงการฯ เปิดเผยว่า โรคภัยไข้เจ็บเป็นปัญหาใหญ่ของผู้สูงอายุ ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตให้ลดต่ำลง โดยปกติผู้สูงอายุจะมีปัญหาสุขภาพตามช่วงวัย อันเนื่องมาจากความเสื่อมถอยของร่างกาย
ดังนั้น เครื่องมือที่จะทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดีขึ้น มีเกราะป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข นั่นคือ “การออกกำลังกาย”
“จากการวิจัยพบว่า การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ คือใช้การเคลื่อนไหวไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป การฝึกกายบริหารแบบชี่กง จึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ เพราะเป็นการออกกำลังกายที่ไม่เหนื่อยแรง ไม่สูญเสียพลังงานมาก และไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะภายนอก อีกทั้งเป็นประโยชน์ต่ออวัยวะภายใน ทำให้เกิดการสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ ทำให้สุขภาพแข็งแรง มีอายุยืนยาวไม่เป็นภาระของคนในครอบครัว” หัวหน้าโครงการฯ กล่าว
ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลสุขภาพของผู้สูงอายุในชุมชนที่ตั้งอยู่โดยรอบที่ดินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จำนวน 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลตาลเดี่ยว, ห้วยแห้ง และชำผักแพว พบว่า ผู้สูงอายุร้อยละ 55 มีปัญหาสุขภาพ ส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคประจำตัว อาทิ โรคความดันโลหิตสูง โรคไขข้อ และโรคเบาหวาน ตามลำดับ ทางโครงการฯ จึงได้พัฒนาหลักสูตรจัดการอบรมการออกกำลังกายชี่กงให้แก่ผู้สูงวัยในพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2553
โดยปัจจุบันโครงการฯ ได้ดำเนินงานมาสู่ระยะที่ 2 ซึ่งเป็นการจัดอบรมให้แก่ผู้ที่สนใจโดยไม่จำกัดช่วงวัย ทั้งหนุ่มสาวผู้สูงอายุ และนักส่งเสริมสุขภาพประจำท้องถิ่น จาก 3 ตำบลรวมทั้งสิ้น 30 คน เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็น “ผู้นำสาธิตนำการออกกำลังกายชี่กง 18 ท่า” ซึ่งจะต้องสามารถออกกำลังกายชี่กง 18 ท่า ได้อย่างถูกต้องตรงตามมาตรฐานและสามารถนำไปสาธิตต่อให้แก่เพื่อนๆ ในชุมชนได้
น.ต.สุนทร วรรณบูรณ ครูผู้ฝึกสอนบริหารลมปราณเพื่อสุขภาพชี่กง ในวัย 70 ปี ที่ยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสดใสเกินอายุ อธิบายว่า “ชี่กง” เป็นการออกกำลังกายแบบฝึกฝนพลังปราณ โดยใช้หลัก 3 ประสาน ได้แก่ “การปรับกาย” ให้เคลื่อนไหวอวัยวะส่วนต่างๆ ไปตามลีลาและจังหวะดนตรี ไปพร้อมๆ กับการ “ปรับการหายใจ” ให้มีการหายใจเข้าออกตามธรรมชาติให้ลึกและยาวซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้นช่วยให้ระบบการเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในช่วงเวลาเดียวกันผู้สูงอายุจะได้รับการฝึก “ปรับจิต” โดยมุ่งสมาธิไปที่ทุกส่วนของร่างกาย รู้เนื้อรู้ตัวไปตามการเคลื่อนไหวด้วย
“ผู้สูงอายุที่ได้ฝึกออกกำลังกายชี่กงอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที ผลที่ได้รับคือแทบจะลืมแก่กันเลยทีเดียว เพราะชี่กงเป็นการฝึกพลังลมปราณที่ประสานกันระหว่างกาย การหายใจ และจิต ซึ่งจะช่วยให้เกิดภาวะสมดุลของร่างกายและจิตใจ และผู้ที่จะเป็นผู้นำสาธิตฯ ได้นั้นจะต้องมีวินัยและเคร่งครัดในการฝึกฝนให้เชี่ยวชาญเพราะจะต้องไปสาธิตต่อให้แก่ผู้อื่นด้วย” ครูผู้ฝึกสอน กล่าว
นางสะอาดศรี มณีเรือง วัย 49 ปี ผู้เข้าร่วมอบรมฯ จากต.ตาลเดี่ยว เล่าว่า เธอเข้าร่วมอบรมเป็นครั้งที่ 2 แล้ว หลังจากอบรมครั้งแรกก็ได้นำกลับไปออกกำลังกายเองที่บ้าน แล้วรู้สึกถึงสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก สำหรับท่าชี่กงที่ชอบมากที่สุดคือ ท่ากระเรียนน้อยไหว้พระจันทร์ ช่วยบริหารส่วนขาและเข่าให้แข็งแรง ช่วยลดความดัน และคลายเครียดได้
“หลังจากได้รับการอบรม ก็นำไปสาธิตให้แก่เพื่อนๆ ในชุมชนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งทาง อบต.ตาลเดี่ยวได้สนับสนุนเรื่องสถานที่และเครื่องเสียงให้ และยังช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนในชุมชนมาร่วมฝึกกันมากๆ เพราะเห็นว่าเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะกับคนสูงอายุ เมื่อมีสุขภาพที่ดี ก็ไม่เป็นภาระให้ลูกหลานที่สำคัญยังช่วยชะลอความแก่ได้ด้วย” นางสะอาดศรี กล่าว
ในขณะที่ผู้เข้าร่วมอบรมอีก 2 ท่าน คือ น.ส.สุมิตร พุทธสรินวัย 45 ปีจาก ต.ชำผักแพว และนางสำรวย ชัยมนตรา วัย 68 ปี จาก ต.ห้วยแห้ง กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังจากออกกำลังกายชี่กง รู้สึกจิตใจผ่อนคลายและสดชื่นขึ้นมาก เพราะได้ไปรวมกลุ่มออกกำลังกาย ร่วมกับเพื่อนๆ ได้ไปมาหาสู่ พูดคุยเรื่องสารทุกข์สุกดิบกันมากขึ้น จากเดิมที่เคยอุดอู้อยู่แต่ในบ้านเดี๋ยวนี้สังคมในชุมชนเริ่มมีรอยยิ้มมีความปรองดองสามัคคีกันมากขึ้นกลายเป็นความอบอุ่นและไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอย่างที่ผ่านมา…
การออกกำลังกายชี่กง นอกจากจะมีประโยชน์ในด้านสุขภาพแล้วยังเป็นเครื่องมือที่ทำให้คนในชุมชนทุกเพศทุกวัยได้ออกมาพบปะพูดคุยกัน ผู้สูงวัยได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เด็กๆ ที่มากับผู้ใหญ่ ก็ยังได้ฝึกทักษะการเล่นกับเด็กในวัยเดียวกัน เกิดเป็นภูมิคุ้มกันทางสังคม
นับจากนี้ต่อไปการออกกำลังกายชี่กง จะถูกผลักดันให้เป็นวัฒนธรรมชุมชน เกิดการฝึกปฏิบัติซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็จะกลายเป็นวิถีการสร้างเสริมสุขภาพประจำชุมชนที่ยั่งยืนตลอดไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า