ปวดฝ่าเท้า…สัญญาณเตือนโรครองช้ำ รักษาอย่างไร

ที่มา: โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาการุณย์

                 โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ (รองช้ำ) คือ ภาวะที่มีการอักเสบของเอ็นใต้ฝ่าเท้า เป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในเพศหญิงซึ่งผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บส้นเท้า และมักเป็นมากในตอนเช้าเมื่อลุกจากเตียงโดยอาการมักเป็นๆ หายๆ และเป็นมากขึ้นตามลักษณะการใช้งานการอับเสบจะเกิดขึ้นที่เอ็นบริเวณสันเท้าต่อเนื่องไปจนถึงเอ็นร้อยหวาย ในรายที่เป็นมานาน หรือไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอาการจะเรื้อรังมากขึ้น และมักเอกซเรย์พบหินปูนงอกบริเวณกระดูกสั้นเท้าด้วย

                 ใครที่เสี่ยงเป็นโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

  1. คนสูงอายุ เนื่องจากพังผืดฝ่าเท้ามีความยึดหยุ่นน้อยลง
  2. คนที่มีน้ำหนักเกิน ทำให้พังผีดฝ่าเท้ารับแรงกระแทกมากขึ้น
  3. คนที่มีอาชีพยืนหรือเดินมาก ทำให้พังผีดฝ่าเท้าตึง
  4. คนที่มีอุ้งเท้าสูงหรือแบนผิดปกติ ก็อาจมีปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น
  5. คนที่ใส่รองเท้าพื้นแข็งหรือพื้นบางเป็นประจำ

                 6 วิธีรักษาให้ลาขาด จากโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

  1. การพักและใช้ยาลดอาการอักเสบ การลดการเดิน (ใช้ไม้เท้าพยุง) การประคบความเย็นหรือน้ำแข็งประมาณ 20 นาที 3-4 ครั้ง/วัน ในตอนเย็นจะช่วยลดอาการเจ็บปวดได้ดี การรับประทานยาลดอาการอักเสบควรพิจารณาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและไม่ควรรับประทานต่อเนื่องนานเกิน 2-3 สัปดาห์
  2. การบริหารเอ็นร้อยหวายและพังผืดฝาเท้าที่เหมาะสม จะช่วยทั้งรักษาและป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ดีที่สุด ยืนหันหน้าเข้าฝาผนังแล้วดันมือกับผนัง ก้าวขาที่ต้องการยืดไปด้านหลัง ส้นเท้าติดพื้นย่อเข่าหน้าจนรู้สึกตึงขาหลัง ทำค้างไว้ประมาณ 30-60 วินาที ทำซ้ำ 10-20 ครั้ง/วัน หรืออาจจะนั่งกับพื้นราบแล้วใช้ผ้าเช็ดตัวช่วยตึงปลายเท้าก็ได้
  3. การใช้แผ่นรองส้นเท้า การใช้แผ่นรองเท้าที่อ่อนนุ่ม หรือสวมรองเท้าที่เหมาะสม ก็ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดี และการใส่เฝือกอ่อนจะช่วยลดการเคลื่อนไหวที่ข้อเท้าอาจเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดอาการอักเสบในช่วงแรกได้ดี
  4. การรักษาด้วยความถี่ (Shock Wave) เป็นการกระตุ้นเอ็นพังผืดฝาเท้าให้มีเส้นเลือดมาเลี้ยงซ่อมแซมตังเอง ได้ผลการรักษาใกล้เคียงการผ่าตัด
  5. การผ่าตัด (ส่วนน้อย) หากรับการรักษาแล้วแต่ยังมีอาการไม่หายขาด จึงมีความจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อผ่าตัดพังผืดเท้าบางส่วนและนำหินปูนที่กระดูกส้นเท้าออก
  6. การฉีดยาลดการอับเสบ ไม่ควรใช้ยาสเตียรอยด์ฉีดเข้าบริเวณส้นเท้า เนื่องจากจะทำให้รักษาได้ยากขึ้น และมีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกติดเชื้อ ไขมันฝ่าเท้าฝ่อ หรือ เอ็นฝ่าเท้าฉีกขาดซึ่งยากต่อการรักษามาก

ข้อควรระวัง

                 ในบางกรณี การบาดเจ็บสันเท้าอาจไม่ได้เกิดจากเอ็นฝ่าเท้าอักเสบเพียงอย่างเดียว ดังนั้นหากทำการบริหารแล้วยังมีอาการเจ็บอีก ผู้ป่วยควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา และประมาณ 90% ของผู้ป่วยส่วนเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ มักจะดีขึ้นหลังจาก 2 เดือน หลังได้รับการรักษาที่เหมาะสม

Shares:
QR Code :
QR Code