ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านวางรากฐานเด็กปฐมวัย

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


ภาพประกอบจากแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน


ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านวางรากฐานเด็กปฐมวัย thaihealth


เมื่อกล่าวถึงประโยชน์ของการอ่านในเด็กก่อนวัยเรียน หรือในช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นช่วง "ระยะวิกฤติพัฒนาทางสมอง" ซึ่งธรรมชาติมอบให้มนุษย์ทุกคน และสิ่งที่จะเข้าไปกระตุ้นพัฒนาการเหล่านั้นได้ง่ายที่สุดคือ "การอ่านหนังสือ"


ซึ่งมีการวิจัยมากมายยืนยันว่าพบว่า หากเด็กพลาดโอกาสทองในช่วงเวลานี้ไป ก็อาจกระทบต่อพัฒนาการในด้านต่างๆ ไปไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะในเด็กในที่ห่างไกล เมื่อเข้าสู่การศึกษาภาคบังคับแล้ว อาจเกิดความไม่ทัดเทียมกับเด็กในเมืองก็เป็นได้


แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงพยายามมุ่งเน้นให้ประชาชนสนใจการอ่านกันมากขึ้น ด้วยการจัดกิจกรรมเดินสายรณรงค์ให้แก่ทุกหน่วยงาน องค์กร โรงเรียน และชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ล่าสุดได้ร่วมมือกับเครือข่ายเชียงใหม่อ่าน และเครือข่ายจักรยานวันอาทิตย์ จังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรม "ปั่น ปัน ปัญญา : Baby & Book Bank" เพื่อระดมหนังสือดี จัดตั้งกองทุนธนาคารหนังสือเพื่อเด็กปฐมวัย ซึ่งจัดขึ้นช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา


ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านวางรากฐานเด็กปฐมวัย thaihealthนางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวว่า แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ร่วมกับ เครือข่ายเชียงใหม่อ่าน ได้มีการขับเคลื่อนงานส่งเสริมการอ่านในชุมชนท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับการบรรจุในแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่


ในปีนี้ได้วางเป้าหมายสำคัญในการวางรากฐานการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้กับเด็กปฐมวัย 0-6 ปี ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่ายังขาดแคลนหนังสือเด็กที่มีคุณภาพเป็นอย่างมาก กิจกรรม "ปั่น ปัน ปัญญา" เป็นงานสื่อสารรณรงค์ที่แผนงานฯ ออกแบบผสานการออกกำลังกายและสร้างการตื่นรู้ จิตอาสาด้านการอ่านเข้าด้วยกัน


สำหรับกิจกรรม "ปั่น ปัน ปัญญา ตอน Baby & Book Bank ในครั้งนี้ มุ่งหวังให้เกิดการระดมหนังสือดี เพื่อจัดตั้งเป็นกองทุนธนาคารหนังสือ มอบให้กับห้องสมุดประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ และใช้การสื่อสารสร้างกระแสในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากนักปั่นจิตอาสาของเครือข่ายชมรมจักรยานวันอาทิตย์ และประชาชนทั่วไป จำนวนกว่า 500 คน มาช่วยกันระดมหนังสือดี ทุกคนที่เข้าร่วมจะนำหนังสือภาพ หรือหนังสือนิทานมาลงทะเบียน อย่างน้อยคนละ 1 เล่ม และเปิดรับบริจาคตลอดระยะเส้นทางที่ผ่านด้วย


ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวต่อว่า จากการสำรวจพัฒนาการของเด็กปฐมวัยทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2542-2557 ของกรมอนามัย พบว่า เด็กไทยมีพัฒนาการทางด้านภาษาล่าช้าสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดปี 2557 เฉลี่ยร้อยละ 38.2 เมื่อเปรียบเทียบตัวเลขในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเฉลี่ยร้อยละ 5-15 เท่านั้น


วิธีการหนึ่งที่สามารถพัฒนาทักษะทางภาษาให้ดีขึ้น และยังส่งผลดีต่อการพัฒนาทักษะด้านอื่นๆ อาทิ การสื่อสาร การปลูกฝังนิสัยรักการอ่านวางรากฐานเด็กปฐมวัย thaihealthพัฒนาด้านอารมณ์ สังคม คือ การอ่านหนังสือให้เด็กๆ ฟัง ในขณะที่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศให้การรู้หนังสือเป็นสิทธิมนุษยชน เป็นพลังแห่งศักดิ์ศรี เป็นพื้นฐานความเข้มแข็งของสังคม และเป็นฐานรากของการพัฒนาที่ยั่งยืน อันจะก่อความรุดหน้าในทุกด้าน


ดังนั้นการอ่านหนังสือให้เด็กๆ ฟัง หรือสอนให้เขารู้จักการอ่าน จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะในช่วงปฐมวัย (0-6 ปี) เพราะโครงสร้างต่างๆ ของสมองกำลังพัฒนาสูงสุดถึง 80% ความสุขจากการอ่านช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก และบุคคลในครอบครัว การอ่านที่เริ่มจากความสุข ความเพลิดเพลิน จะกระตุ้นให้สมองหลั่งสารแห่งการเรียนรู้ที่เรียกว่า "โดพามีน" (Dopamine) อันจะส่งผลให้เด็กรู้สึกสดชื่น เบิกบานใจ นำสู่การสร้างพลังของชีวิต และเป็นฐานสำคัญของการสร้างกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต


นายชัชวาล ทองดีเลิศ เลขาธิการสมาคมสภาการศึกษาทางเลือกไทย และผู้จัดการเครือข่ายเชียงใหม่นครแห่งการอ่าน กล่าวฝากว่า โครงการเชียงใหม่อ่าน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจุดกระแสเพื่อสร้างการตื่นตัวเรื่องการส่งเสริมการอ่าน จะสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในสังคม เพื่อให้ทุกคน ทุกหน่วยงานเห็นถึงความสำคัญของการอ่าน เพื่อร่วมขับเคลื่อนจังหวัดเชียงใหม่ก้าวสู่ "นครแห่งการอ่าน" ต่อไป


นอกจากนี้ แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ยังได้ร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), สำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และสมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ (กลุ่มลูกเหรียง) จัดกิจกรรม "บรรณสัญจรสู่มหกรรมหนังสือเล่มละบาทชายแดนใต้" ในงานสานเสวนา "ทำไมหนังสือ…..ต้องตอบโจทย์สันติภาพ" ขึ้น วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม โรงแรมซี.เอส. ปัตตานี เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน สร้างแรงบันดาลใจ และเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้เข้าถึงหนังสือที่เหมาะสมตามความสนใจ


ภายในงานยังมีปาฐกถาพิเศษ และเสวนาเรื่อง "อยากสำเร็จ ทำไมต้องอ่าน" โดย พล.ต.ต.มณฑล เงินวัฒนะ รอง ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านวางรากฐานเด็กปฐมวัย thaihealthผบช.ศชต., พันโทสิรภพ แก้วชนิด ผู้บังคับชุดควบคุมที่ 951 หน่วยเฉพาะกิจสันติสุข, คุณมูฮำหมัดอายุบ ปาทาน บรรณาธิการอาวุโส ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้, ดร.สุกรี หลังปูเต๊ะ รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยฟาฏอนี และนายฮาฟิซ พิกุลจร รองประธานสภานักเรียน จังหวัดปัตตานี


กิจกรรมเสวนาเรื่องเล่าบันดาลใจ "ไล่ตงจิ้นเมืองไทยของ ดร.จากกองขยะ" โดย ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และเสวนาแลกเปลี่ยน "แรงบันดาลใจ จากหนังสือเล่มโปรด" โดยตัวแทนสภานักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้


ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ได้กล่าวถึงความสำคัญของการจัดงานในครั้งนี้ว่า เราเชื่อมั่นว่าพลังแห่งความปรารถนาดีและพลังแห่งหนังสือและการอ่าน จะประสานกันอย่างสำคัญ สร้างความสุขและสันติภาพให้เกิดขึ้นในตัวบุคคล ในครอบครัว และพร้อมจะขยายผลสู่ชุมชนและทุกๆ พื้นที่ ที่เครือข่ายจะได้ร่วมกันขยับขยายต่อไป


จะเห็นได้ว่าการอ่านเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันผลักดันให้มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น ทั้งส่วนงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และส่วนรวมต่อไป.

Shares:
QR Code :
QR Code